ภายหลังการแข่งขันแรลลี่สุดโหดรายการใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชียอย่าง เอเชีย ครอส คันทรี แรลลี่ 2025 (Asia Cross Country Rally 2025) หรือ AXCR 2025 สิ้นสุดลงด้วยผลการแข่งขันของทีม มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต (Mitsubishi Ralliart) ที่คว้าชัยชนะมาถึง 3 แชมป์ด้วยกัน
Autolifethailand สัมภาษณ์พิเศษ “ฮิโรชิ มาซูโอกะ” ผู้อำนวยการทีม มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต (Mitsubishi Ralliart) ที่เล่าให้ฟังว่า ก่อนการแข่งขันได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องคว้าแชมป์ประเภทคะแนนรวม (Overall) อีกครั้งในรอบ 3 ปีจากการส่งรถแข่ง มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ (Mitsubishi Triton Rally Car) จำนวน 3 คัน ลงแข่งในรุ่นรถครอสคันทรีดัดแปลง (T1)
“การแข่งขันฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทางการแข่งขันจริง ๆ โดยต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายแบบไม่คาดฝัน กระทั่งนักแข่งของเราน้ำตาคลอระหว่างทางเลย”
ความท้าทายในการแข่งขันไม่เพียงแค่เฉพาะเส้นทางและอุปสรรคระหว่างทาง แต่ยังเป็นการที่ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลาที่บีบคั้นหัวใจมาก ๆ ยกตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในการแข่งขันช่วงหนึ่ง เพลาหน้าขาด ซึ่งต้องใช้เวลาเปลี่ยนภายใน 9 นาที และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ หม้อน้ำรั่ว ซึ่งทุกเหตุการณ์ถือเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างท้าทาย โดยแม้ว่าจะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าแต่ส่วนตัวเชื่อว่าการเกิดปัญหานั้นทำให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 ของ ‘Tech Talent’ ในการคัดเลือกทีมช่างจากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเซอร์วิสในการแข่งขัน เพื่อให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการแข่งและการเซอร์วิสภายใต้ความกดดันเพื่อชัยชนะของทีม
นอกจากนั้น รถที่ใช้ในการแข่งขัน 2 คันหลักคือ รถหมายเลข 112 ขับโดย ‘ชยพล โยธา’ และ รถหมายเลข 105 ขับโดย ‘คัตสึฮิโกะ ทากูชิ’ ได้มีการพัฒนาด้านสมรรถนะและการขับขี่ครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีการปรับแต่งแชสซีส์ รวมถึงช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเวอร์ชั่นที่ 3 แล้ว จากแหนบ เป็น โฟว์ลิงค์ และยังปรับโช้คอัพด้านหน้าให้มีระยะยุบมากยิ่งขึ้น ส่วนการเซ็ตอัพต่าง ๆ ของตัวรถแต่ละคันจะมีความแตกต่างกันเหมาะสมกับนักแข่งแต่ละคน ซึ่งทำงานร่วมกับทีมและมีการทดสอบก่อนหน้าที่จะลงแข่งนานหลายเดือนจนมั่นใจว่ารถทุกคันปลอดภัยและจะสามารถคว้าชัยชนะได้
ส่วนอีกคันหนึ่งคือ รถหมายเลข 118 ขับโดย ‘คาสุโตะ โคอิเดะ’ สำหรับรถแข่งคันนี้เป็น มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่คาร์ เกียร์อัตโนมัติ (AT) คันแรกที่ใช้สำหรับการแข่งขัน เพื่อทดสอบความทนทานและความแม่นยำของรถ ภายใต้สภาวะที่ท้าทายของการแข่งขัน เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก โดยเฉพาะด้านอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งมีการเซ็ตอัพที่รองรับการเปิดโอกาสที่หลากหลายเพื่อรองรับการต่อยอดในอนาคต อีกทั้งรถคันนี้ยังเป็นรถซัพพอร์ตที่สำรองอะไหล่ให้กับรถทั้ง 2 คันหลัก แต่มีสมรรถนะที่สามารถแข่งขันได้ โดยเป็นกลยุทธ์ของทีมที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น และรถคันนี้ทำให้ทีมสามารถคว้าแชมป์ประเภททีม (Team Award) มาครองได้ด้วย
“ผู้ที่ขับรถหมายเลข 118 นั้น เป็นพนักงานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เราอยากให้เขาได้รับประสบการณ์และนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนงานที่เขารับผิดชอบ”
ขณะที่ ทีมได้ติดตามการแข่งขันตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า ระดับความเร็วในการแข่งขันนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่นอกเหนือจากความเร็วที่เราได้พัฒนาขึ้นแต่สิ่งที่เราโฟกัสอีกอย่างหนึ่งคือ เราทำให้รถสามารถวิ่งได้ในทุกสถานการณ์และทุกความเร็ว ซึ่งปีนี้ประสบความสำเร็จจาก รถหมายเลข 112 สามารถคว้าชัยชนะในรุ่นรถครอสคันทรีดัดแปลง (T1) มาได้
สำหรับการแข่งขันในปีหน้าจะมุ่งเน้นการพัฒนาในการลดน้ำหนักของตัวรถลง และยกระดับการพัฒนารถแข่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาแชมป์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น มีโอกาสที่จะได้เห็น มิตซูบิชิ ไทรทัน ลงแข่งในรุ่นโปรดักส์ชั่น (T2) ส่วนการขยับขยายไปแข่งขันในรายการที่ใหญ่ขึ้นหลังจากนี้ยังไม่มีแผนในระยะเวลาอันใกล้ โดยยังโฟกัสการแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียนี้ก่อนเนื่องจากภูมิภาคนี้เป็นตลาดสำคัญของ มิตซูบิชิ แต่ส่วนตัวก็ฝันไว้ว่าอยากเห็นรถของเราไปวิ่งในทะเลทรายและวิ่งได้ในทุกสภาพเส้นทางทั่วโลก