นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (Hyundai) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทย 2 เดือนแรก (มกราคม–กุมภาพันธ์) ทิศทางตลาดมีแนวโน้มลดลงในระดับ 10% ส่งผลให้การคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2568 นี้ อาจจะมีการปรับตัวลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้อยู่ที่ 5.6-5.7 แสนคัน อาจลดลงเหลือ 5.3 แสนคัน
ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทยังคงคาดการณ์ไว้ในระดับเดิมที่ 4,100 คัน เนื่องจากบริษัทมองว่าการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัทในปีนี้จะสามารถกระตุ้นยอดขายของบริษัทให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่บริษัทจะมีการระมัดระวังในการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งยังถือว่าเป็นผลดีในความยืดหยุ่นด้านการดำเนินธุรกิจตามความเหมาะสมของสถานการณ์ตลาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Hyundai เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 6 รุ่นครบทุกพลังงานดันยอดปี’68 โต
ขณะที่ แผนการลงทุนก่อตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทยยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยบริษัทได้ปรับลดต้นทุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนารวมถึงการผลิตและผู้บริโภค
นอกจากนั้น Hyundai อยากนำเสนอให้รัฐบาลมีความชัดเจนในการดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจและมารตรการสนับสนุนส่งเสริมใด ๆ ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์หรือในภาพรวมของประเทศ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถประเมินสถานการณ์รับมือได้
อย่างไรก็ตาม มาตรการรถเก่าแลกใหม่ ถือเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมอุตสาหกรรม แต่อาจจะต้องมีข้อพิจารณาอย่างรอบครอบในข้อกำหนดเงื่อนไขมาตรการ อาทิ อายุรถยนต์ที่จะเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายของมาตรการ เช่นเดียวกับรถใหม่ที่จะถูกแลกจะต้องเป็นรถที่ผลิตในประเทศเพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Hyundai ทุ่ม 1,000 ล้าน ตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า-ประกอบแบตฯ ในไทย
ด้านการแข่งขันของสงครามราคาในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดเท่าที่เคยมีมาของตลาดในประเทศไทย ยกตัวอย่าง รถยนต์เป็นสินค้าที่มีต้นทุนสูงและมีเทคโนโลยีสูงจากอดีตที่ผ่านมาการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จะมีการปรับขึ้นราคาอยู่เสมอ แต่ในปัจจุบันนอกเหนือจากการปรับราคาขึ้นไม่ได้แล้วยังต้องมีการจัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคอีกด้วย โดยสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทราบดีว่าจะมาถึงจุดนี้
“สงครามราคาที่เกิดขึ้นรุนแรงต่อเนื่องและหยุดไม่ได้ ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากกังวลว่าจะมีการปรับลดราคาหลังจากการซื้อและเกิดความลังเล”