Harley-Davidson ตระกูล Cruiser เปิดตัวพร้อมกัน 6 รุ่นครบทุกไลน์อัพโมเดล ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 117 รุ่นใหม่ล่าสุด 3 เวอร์ชั่น ที่ปรับจูนให้เหมาะสมกับเอกลักษณ์ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละรุ่น
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CLASSIC สำหรับรุ่น Street Bob™ และ Heritage Classic เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับจูนให้มีแรงบิดที่เรียบเนียนต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง เน้นความง่ายในการควบคุม เสียงเครื่องยนต์โดดเด่นด้วยปลายท่อเดี่ยว และแอร์คลีนเนอร์ทรงกลมแบบดั้งเดิม ให้ประสบการณ์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson โดยมีกำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 รุ่นก่อนถึง 4% พร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-1 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายไอเสียจากห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CUSTOM สำหรับรุ่น Fat Boy™ และ Breakout™ ได้รับการปรับจูนเพื่อเน้นพลัง และแรงบิดที่เร้าใจ โดยมีกำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 171 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับ Fat Boy 114 รุ่นปี 2024 เครื่องยนต์นี้ให้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 11% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 6% โดยมาพร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-2 แยกท่ออิสระ พร้อมหม้อกรองแยกเฉพาะในแต่ละท่อ ช่องอากาศขนาด 4 ลิตร ใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 50% ช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เสียงระบบไอดีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เสียงท่อไอเสียโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 H.O. (HIGH OUTPUT) สำหรับรุ่น Low Rider™ S และ Low Rider™ ST ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะในรอบสูง พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดัน โดยมีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิด 174 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้น 11% จากเครื่องยนต์ 117 รุ่นก่อนหน้า ที่ใช้ใน Low Rider S และ Low Rider ST รุ่นปี 2024
สำหรับไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser รุ่นปี 2025 ประกอบด้วยรุ่น Low Rider™ S, Low Rider™ ST, Breakout™, Heritage Classic, Fat Boy™ และ Street Bob™
Harley-Davidson รุ่นใหม่ปี 2025 มีราคาดังนี้
• Street Bob™ ราคาเริ่มต้นที่ 889,000 บาท
• Heritage Classic ราคาเริ่มต้นที่ 1,136,000 บาท
• Fat Boy™ ราคาเริ่มต้นที่ 1,272,000 บาท
• Breakout™ ราคาเริ่มต้นที่ 1,262,000 บาท
• Low Rider™ S ราคาเริ่มต้นที่ 1,171,000 บาท
• Low Rider™ ST ราคาเริ่มต้นที่ 1,269,000 บาท