ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ที่มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์กระโดดเข้าสู่ตลาดจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน และมีการทำสงครามราคาในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) ที่ไม่เพียงแค่เฉพาะในประเทศไทย แต่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ซึ่งเป็นตลาดนอกประเทศจีนที่มารวมอยู่ภายใต้ GWM International
ล่าสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางธุรกิจและแผนการบริหารงานของบริษัทหลังจากนี้ โดยมี บอสใหญ่ทั้ง 4 คนเป็นบุคคลสำคัญที่ให้ข้อมูลในครั้งนี้ประกอบไปด้วย
- นาย ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ (GWM International)
- นาย เจมส์ หยาง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลาดต่างประเทศ (GWM International)
- นาย วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย)
- นาย ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ลั่นอยู่ในไทยอีกนาน เร่งแก้ปัญหาทุกจุด ทั้งสินค้า การตั้งราคา และการบริหาร
Autolifethailand ได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษในครั้งนี้พร้อมตั้งประเด็นคำถามที่หลายคนอยากรู้โดยได้สรุปรายละเอียดไว้ในคอนเทนต์นี้
สถานการณ์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศไทยขณะนี้เป็นอย่างไร?
ประเด็นคำถามนี้ “ปาร์คเกอร์ ฉี” เป็นผู้ตอบโดยระบุว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567 นี้ อยู่ในสถานการณ์ที่มีความท้าทายสูง ซึ่งยอดขายของตลาดตกต่ำเป็นอย่างมากโดยเฉพาะยอดขายในเดือน กันยายน ที่มีตัวเลขยอดขายอยู่ที่ราว 3.9 หมื่นคันเท่านั้น ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนราว 38% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากในรอบหลายปี
เช่นเดียวกัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบตามตลาด ซึ่งทุกค่ายและตลาดก็มีตัวเลขลดลงราว 20% ดังนั้นในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ราว 9,000-10,000 คัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 12,000 คัน
ขณะที่ มองว่ายอดขายของบริษัทจะฟื้นตัวดีขึ้นเป็น 20,000 คัน ในปี 2568 จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างน้อย 4 รุ่น ได้แก่ HAVAL H6 HEV และ HAVAL H6 PHEV รุ่นปรับโฉม (Minorchange), GWM TANK 300 และ GWM TANK 500 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึง รถกระบะ POER HEV และรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
บทบาทของ GWM ในประเทศไทยต่อจากนี้เป็นอย่างไร ?
ประเทศไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการขยายธุรกิจสู่ระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ “Ecological Globalization” ซึ่งเรายืนยันที่จะเคียงข้างคนไทยในระยะยาวโดยบทบาทต่อจากนี้คือการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลกซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญเชิงกลยุทธ์ผ่านการลงทุนระยะยาวรวมถึงปรับเปลี่ยนการดำเนินงานหลากหลายด้านผ่านกลยุทธ์ด้านต่างๆเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันสูง
“ผมขอยืนยันว่าเราจะยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยมให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง”
“เจมส์ หยาง” กล่าวเสริมว่า สำหรับในตลาดโลก GWM International ตั้งเป้ายอดจำหน่ายในต่างประเทศที่ 1 ล้านคัน ภายในปี 2573 โดยในช่วงเดือน มกราคม–กันยายน 2567 เราทำยอดขายในตลาดต่างประเทศได้ 316,000 คัน เติบโตขึ้น 22.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
บทเรียน 3 ปี ที่ผ่านมาในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
ตลาดในภูมิภาคอาเซียนถือเป็นตลาดที่สำคัญและมีความท้าทายอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ยอมรับว่าเรายังไม่เข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง โดยที่ผ่านมาได้มีการศึกษาและเรียนรู้ตลาดไปเรื่อย ๆ ทั้งตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวา และตลาดอาเซียน โดยเราได้สร้างแพลตฟอร์มรถยนต์สำหรับตลาดพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับความต้องการทั่วโลกโดยประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวา
นอกจากนั้น หลังจากนี้จะมีการทำงานร่วมกันของฐานการผลิตรถยนต์ของ GWM ในภูมิภาคนี้ ซึ่งมีที่ มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ในการบริหารจัดการผลิตผลิตที่สอดคล้องกัน ซึ่งแผนการส่งออกของเราในเร็ว ๆ นี้มีแผนที่จะส่งอออกไปยัง เวียดนาม, มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย
ขณะเดียวกัน ถ้าถามว่าตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของ GWM ประเทศไทย ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาและเข้าสู่ปีที่ 4 ในปีนี้ ต้องยอมรับว่า ช่วง 1-2 ปีแรก มียอดจำหน่ายที่ดี ซึ่งพอเข้าสู่ในปีที่ 3 ยอดจำหน่ายเริ่มลดต่ำลง ซึ่งเราก็ต้องพัฒนาในทุกด้าน โดยเราได้มีการลงทุนโรงงานในประเทศไทย และได้มีการผลิตจำนวน 5 รุ่นในประเทศไทย และจะมี รถกระบะ POER เป็นรุ่นที่ 6
ดังนั้น ถ้าให้คะแนนการบริหารงานของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ส่วนตัวให้ 1-2 ปีแรก 8 คะแนน และ ในปีที่ 3 ให้ 5 คะแนน ฉะนั้นโดยรวมให้ 6 คะแนน
กลยุทธ์ One Price Policy ยังสำคัญอยู่หรือไม่ และ มองสงครามราคาอย่างไร ?
ประเด็นคำถามนี้ “วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์” เป็นผู้ตอบโดยระบุว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นผู้บุกเบิกนโยบายราคาเดียวตั้งแต่แรกเพื่อไม่ต้องมีการต่อรองและลูกค้าต้องไปเปรียบเทียบราคาซึ่งในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงเราได้มีการให้ส่วนลดมากขึ้นหรือเรียกว่าแคมเปญแต่ก็ยอมรับว่าอาจจะทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปอาจเสียความรู้สึกไปบ้างแต่มันก็เป็นกลไกตลาดและการแข่งขันและเราพยายามจะหลีกเลี่ยง
เราอยากจะมองในแง่การทำธุรกิจระยะยาวราคาไม่ได้เป็นสิ่งเดียวในการทำการตลาดสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับมันก็ต้องแลกด้วยเงินที่มากกว่าการทำสงครามราคาอาจจะไม่ได้ดีต่อทุกฝ่ายในท้ายที่สุด
“ปาร์คเกอร์ ฉี” กล่าวเสริมว่า ในประเทศจีนเองก็มีการแข่งขันที่รุนแรง และอาจจะรุนแรงกว่าในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำ ชนิดที่ว่าลดราคาเหมือนฆ่าตัวตายเลย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม โดยการที่เราบอกว่าไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเรากลัวการแข่งขัน แต่เรามองว่าสงครามราคาจะทำให้คุณภาพผลิตภัณฑ์ต่ำลง
อีกทั้งเป็นเหมือนการใช้เงินซื้อมาร์เก็ตแชร์ในระยะสั้น แต่การดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้นั้นอยู่ที่ระยะยาว ทั้งในด้านการบริการ, การดูแล และอื่น ๆ ซึ่งเราหวังว่าการแข่งขันในประเทศไทยจะไม่ไปถึงความรุนแรงจุดเดียวกับประเทศจีน
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เราได้มีการทำงานร่วมกับกับทุกฝ่าย ทั้ง ซัพพลายเออร์ และ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เรียกได้ว่าแทบจะต้องพูดคุยกับพนักงานทุกคนเลย ในการควบคุมต้นทุนให้ดีที่สุดในสถานการณ์การแข่งขันเช่นนี้ ทำให้เราสามารถปรับลดราคาลงได้อย่างที่ทุกคนเห็น และหลังจากนี้เรายืนยันว่าการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ และการกำหนดราคาจำหน่าย จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ในช่วง 2 เดือนก่อน เราไม่อยากเข้าร่วมสงครามราคาเลย เพราะไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ถ้าจะต้องขายขาดทุน เราจึงต้องคำนวนทุกอย่างดังที่กล่าวไป
อีกทั้ง การปรับโครงสร้างองค์กรและการเปลี่ยนผู้บริหารเพื่อเป็นการรองรับสถานการณ์การแข่งขันของตลาดที่รุนแรง หรือที่เรียกว่าในภาวะสงคราม โดยให้นโยบายกับทีมงานไปว่า
ถ้าเราไม่ดิ้นรนกระตือรือล้น เราตาย!
ถ้าเราไม่มีอาวุธในการแข่งขัน เราตาย!
ถ้าเราไม่มีทีมที่ดี เราตาย!
เพราะตอนนี้เรากำลังต้องต่อสู้ในสงครามการแข่งขันและสถานการณ์ตลาดที่รุนแรงสูง และที่สำคัญเราอยากให้รัฐบาลมีส่วนร่วมในการยุติสงครามราคาหลังจากนี้ เพราะเชื่อว่าทุกคนที่มาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์มีความตั้งใจในการทำธุรกิจและมุ่งหวังที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
แล้วในประเด็นที่ว่าประเทศไทยเป็นการแข่งขันแบบเสรี อยากให้มองในมุมนักลงทุนว่า เรามาลงทุนก็ไม่ได้ฟรี การใช้อากาศก็ไม่ได้ฟรี ทุกสิ่งอย่างไม่ได้มาฟรี ๆ ทุกอย่างต้องมีราคาของตัวเอง ท้ายที่สุดคือลูกค้าจ่ายแล้วได้อะไร คุ้มค่าหรือไม่ ได้ประโยชน์อย่างไร วางใจได้หรือไม่ และเชื่อว่า สงครามราคาไม่ได้มีประโยชน์กับใครเลย
“วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์” กล่าวเสริมว่า ในบางรุ่นอาจต้องมีการทบทวนและปรับราคาใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ของรุ่นนั้น ๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งหน่วยงานใหม่ดูแลตลาดนอกจีน ดึง “วุฒิกร-ไมเคิล ฉง” คุมไทย
สถานการณ์เครือข่ายผู้จำหน่าย (พาร์ทเนอร์) ตอนนี้เป็นอย่างไร ?
ประเด็นนี้ “ไมเคิล ฉง” เป็นผู้ตอบโดยระบุว่า ต้องยอมรับว่ามีพาร์ทเนอร์ที่ปิดตัวลงไปอยู่บ้าง โดยในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีพาร์ทเนอร์ สโตร์ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งหมด 70 แห่ง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติในสภาวะการแข่งขันที่มีค่ายรถยนต์เข้ามาในประเทศไทยเยอะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาโดยการทำธุรกิจนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ลงทุนใครที่เข้มแข็งก็อยู่ได้ใครที่ไม่เข้มแข็งพอก็ต้องไปหาโอกาสอื่น
โดยแผนธุรกิจใหม่ (New Business Model) ยอมรับว่ามีจริง แต่อยู่ระหว่างการศึกษาแผนธุรกิจที่ดีต่อพาร์ทเนอร์ และเราจะทำแผนธุรกิจที่ดีที่สุด ทุกคนอยู่ได้ในภาวะการแข่งขันแบบนี้ รวมถึงจะเน้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าต่อลูกค่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ทั้ง นำเข้า และ ผลิตในประเทศ
เราไม่ได้มองที่จำนวนพาร์ทเนอร์แล้วหลังจากนี้ แต่เราต้องมองว่าต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เข้มแข็งและมีผลประโยชน์ที่ดีที่สุด เพราะเมื่อพาร์ทเนอร์ได้ผลประโยชน์ดี ก็จะทำให้ทุกสิ่งดีโดยเฉพาะการดูแลลูกค้า
รวมถึงยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในฐานะ Authorized Fleet Partner ทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจฟลีทให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งบริษัทรถเช่า ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการเข้าร่วมประมูลของหน่วยงานภาครัฐ อีกทั้ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขยายธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วภายใต้ GWM Certified Pre-Owned (CPO) เป็นบริการซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีที่ได้มาตรฐานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การตอบคำถามในประเทศต่าง ๆ ของ บิ๊กบอส ทั้ง 4 ถือเป็นทิศทางที่จะนำพา เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยเฉพาะในประเทศไทย ไปสู่หนทางใหม่และเป็นความอยู่รอดของธุรกิจในสถานการณ์การแข่งขันของสงครามราคาที่รุนแรง คงจะต้องรอดูผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นจากแผนเหล่านี้ในอนาคตว่าจะออกมาเป็นอย่างไร