นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2567 มีจำนวนอยู่ที่ 46,738 คัน ลดลง 21.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 16.69% จากเดือนมีนาคม 2567 จากการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาจนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว
ทั้งนี้ เมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตซึ่งรัฐบาลก็ได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนเมษายนแล้ว จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น
สำหรับ ยอดขายรถยนต์ ในประเทศไทยสะสม 4 เดือน ของปี 2567 (มกราคม – เมษายน) อยู่ที่ 210,494 คัน ลดลง 23.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน