แลนโด้ นอร์ริส ดาวขับเมืองผู้ดีสังกัด McLaren Formula 1 Team เปิดซีซั่น (F1 2025) ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ซิ่งฝ่าฝนในเรซสุดเข้มข้นผงาดคว้าชัยที่ อัลเบิร์ต พาร์ค เหนือ แม็กซ์ เวิร์สแทพเพ่น แชมป์โลก จาก Oracle Red Bull Racing ด้าน อเล็กซ์ อัลบอน ดาวขับไทยสังกัด Atlassian Williams Racing ซิ่งเข้าป้ายอันดับ 5
ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก (F1 2025) เปิดฉากดวลความเร็วอย่างเป็นทางการ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ อัลเบิร์ต พาร์ค กรังด์ปรีซ์ เซอร์กิต กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สังเวียนสตรีทเซอร์กิต ระยะทางต่อรอบ 5.278 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 58 รอบสนาม ในรายการหลุยส์ วิตตอง ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์
โพลฯในเรซแรกของฤดูกาลตกเป็นของ แลนโด้ นอร์ริส ที่ควงคู่ ออสการ์ ปิอาสทรี เพื่อนร่วมสังกัด McLaren Formula 1 Team ครองแถวหน้าบนกริดสตาร์ท ส่วน แม็กซ์ เวิร์สแทพเพ่น แชมป์โลก จาก Oracle Red Bull Racing ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 3 ขนาบด้วย จอร์จ รัสเซล สังกัด Mercedes-AMG Petronas F1 Team ในกริดที่ 4 ด้าน อเล็กซ์ อัลบอน ดาวขับไทยสังกัด Atlassian Williams Racing ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 6
จากสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ศึกออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ต้องดวลความเร็วบนสภาพแทรกเปียกภายใต้ยางฝน และเป็นทางด้าน แลนโด้ นอร์ริส ที่รักษาตำแหน่งหัวขบวนไว้ได้หลังได้สัญญาณเริ่มเกม รวมถึง ออสการ์ ปิอาสทรี ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 หลังผ่านครึ่งทางของการแข่งขัน แม้จะเสียตำแหน่งให้ แม็กซ์ เวิร์สแทพเพ่น ในช่วงต้นเกม
จุดพลิกผันสำคัญเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง เมื่อฝนขาดเม็ดและแทร็กเริ่มแห้ง นักแข่งจึงเปลี่ยนยางกึ่งเปียกกึ่งแห้งลงมาซิ่ง ก่อนที่ฝนจะโปรยลงมาอีกครั้งในช่วงท้ายการแข่งขัน ส่งผลให้ แลนโด้ นอร์ริส นำรถเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนยางฝน และเสียตำแหน่งหัวขบวนให้ แม็กซ์ เวิร์สแทพเพ่น ที่เลือกซิ่งต่อด้วยยางอินเตอร์มิเดียต
ทว่าท้ายที่สุด แชมป์โลก ต้องนำรถเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนยางฝน และเสียตำแหน่งคืนให้กับ แลนโด้ นอร์ริส ก่อนที่ ดาวขับเมืองผู้ดี จะรักษาตำแหน่งไว้ได้ซิ่งรับธงตาหมากรุกเป็นคันแรก เร็วกว่า แม็กซ์ เวิร์สแทพเพ่น 0.859 วินาที ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ จอร์จ รัสเซล ด้าน อเล็กซ์ อัลบอน ประเดิมฟอร์มหรูซิ่งเข้าเส้นชัยในอันดับ 5
ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก 2025 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็วที่ เซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สาธารณะรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม นี้ ในรายการไฮเนเก้น ไชนีส กรังด์ปรีซ์