ภายหลังเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ของ จูนเหยา (Juneyao) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา พร้อมการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 (Motor Expo 2024) เป็นครั้งแรกของแบรนด์ ซึ่งได้รับยอดจองไปกว่า 60 คัน ถือเป็นผลตอบรับที่ดีเมื่อเทียบกับระยะเวลาอันสั้นในการแนะนำแบรนด์และการสร้างการรับรู้ ซึ่งได้รับผลตอบรับด้วยยอดจองจำนวนดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกสู่ตลาดได้น่าสนใจ
Autolifethailand ได้สัมภาษณ์พิเศษ “จาง ไห่โป” กรรมการผู้จัดการ บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัดถึงการตอบรับของผู้บริโภคภายหลังการแนะนำแบรนด์ลงสู่ตลาดในประเทศไทยและทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยหลังจากนี้
3 เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ
เรื่องแรก หลังการเปิดตัวแบรนด์และเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกนั่นคือ JY Air ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในโลก ได้มีการเก็บข้อมูลผลการทดสอบจากทั้งทีมวิจัยและพัฒนารวมถึงสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อนำความคิดเห็นและข้อติชมมาปรับปรุงส่วนที่สามารถทำได้เพื่อให้รถยนต์ที่ส่งมอบมีความสมบูรณ์และคุณภาพดีที่สุด
เรื่องที่สอง การสร้างระบบการบริหารจัดการทุกด้าน อาทิ การพัฒนาคุณภาพผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ซึ่งไม่ใช่แค่จำนวนเท่านั้น แต่ต้องมีมาตรฐานการให้บริการที่ดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยได้มีการส่งทีมงานผู้เกี่ยวข้องทุกด้านไปอบรมที่สำนักงานใหญ่ประเทศจีน รวมถึงในอนาคตอันใกล้มีแผนที่จะเปิดให้บริการ โมบายล์เซอร์วิส (Mobile Service)
เรื่องที่สาม การสื่อสารและการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์และผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทเป็นบริษัทในเครือ Juneyao Airlines ผู้ให้บริการสายการบิน ซึ่งมีความมั่นคงและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมถึงได้ใช้แรกบันดาลใจในการออกแบบและใช้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยจากเครื่องบิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องสื่อสารสู่ผู้บริโภค
“จุดเด่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยคือเราได้เป้นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับ เซ็นทรัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการดำเนินธุรกิจ”
จุดแข็งของ Juneyao คืออะไร ?
จูนเหยา มีคอนเซปต์ในการทำการตลาดหลักคือ “การเดินทาง” (Journey) ดังนั้น จึงเน้นการให้บริการที่ครบวงจรและความสะดวกสบายในการเดินทางที่ไม่ใช่เพียงเฉพาะรถยนต์ ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกของแบรนด์มีการทำแคมเปญ มอบตั๋วเครื่องบิน Juneyao Airlines แบบไม่ระบุเส้นทางบินจำนวน 4 ที่นั่ง/ปี ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือจำนวนรวม 12 ที่นั่ง พร้อมบัตรสมาชิก Gold Membership นาน 3 ปี เป็นการต่อยอดระบบนิเวศน์การเดินทางที่สมบูรณ์
แน่นอนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อแบรนด์ไม่ว่าแบรนด์สัญชาติใดก็ตามที่ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการมีธุรกิจที่หลากหลายครบวงจรมีข้อได้เปรียบในยุคที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : กางแผน จูนเหยา ปักหมุดในไทย ส่ง JY AIR เติมเต็มธุรกิจสายการบิน
แผนการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2568 เป็นอย่างไร ?
แน่นอนว่าการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลาซึ่งคามมั่นใจไม่ได้สร้างได้ในระยะเวลาอันสั้นแต่เป็นสิ่งที่บริษัทต้องดำเนินการควบคู่กันไปพร้อมกันในทุกด้าน โดยจะเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ และจะมีการสร้างคอมมนูนิตี้เพื่อรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอจากผู้บริโภคโดยตรง และมีแผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายจำนวน 10 แห่ง ภายในปีนี้
นอกจากนั้น บริษัทจะใช้เงินลงทุนมูลค่าหลักร้อยล้านบาทในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ที่ประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะใช้เป็นฐานผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาเพื่อการส่งออก โดยมีกำลังการผลิตรวม 30,000 คัน/ปี และถือได้ว่าฐานการผลิตที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของประเทศจีน ซึ่งได้มีการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตจากประเทศจีนมาใช้ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายปี 2568
รวมถึงการตั้งคลังอะไหล่เพื่อรองรับความต้องการโดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญของตัวรถเพื่อลดระยะเวลาการรออะไหล่ชิ้นส่วน โดยยังมีการรับประกันระยะเวลารออะไหล่เร่งด่วนภายใน 3 วัน หลังจากมีออเดอร์จากดีลเลอร์ ด้วยความร่วมมือกับ Juneyao Airlines ในการจัดส่งอะไหล่เร่งด่วนทางเครื่องบิน
สำหรับในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้อยู่ที่ 3,000 คัน โดยมองว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2568 จะมีทิศทางดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 เล็กน้อย โดยมองว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับ 6 แสนคัน และเชื่อว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นจากผู้บริโภคที่เปิดใจยอมรับซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาสร้างการรับรู้ด้านเทคโนโลยีพอสมควรกระทั่งผู้บริโภคเริ่มเปิดใจยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน
มองอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไร ?
จาง ไห่โป กล่าวว่า อนาคตรถยนต์จะคล้ายกับสมาร์ทโฟน ที่อาจจะไม่ได้มีรุ่นย่อยในเซกเมนท์เดียวกันจำนวนมาก แต่ในแต่ละเซกเมนท์แต่ละรุ่นจะสามารถรองรับการตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย และเชื่อว่ามจะมีความถี่ในการเปิดตัวที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่ Juneyao มีแผนการเปิดตัวอย่างน้อย 1 รุ่น/ปี เพื่อตอบสนองตวามต้องการในแต่ละเซกเมนท์ ซึ่งทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทในอีก 1-2 ปี จากนี้ เทคโนโลยี Extended Range Electric Vehicle (EREV) จะมีการแนะนำลงสู่ตลาด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมองว่าเทคโนโลยี EREV ไม่ใช่เทคโนโลยีทางเลือกหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่เทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในที่สุด ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจะมีการพัฒนาที่ลดข้อจำกัดด้านการใช้งานจนได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะพัฒนา รถกระบะไฟฟ้า 100% ในรูปแบบของการสลับแบตเตอรี่ โดยยังมองว่าข้อจำกัดด้านขนาดแบตเตอรี่และระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งหากรัฐบาลประเทศไทยกำหนดมาตรฐานสำหรับขนาดแบตเตอรี่สำหรับการสลับแบตเตอรี่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน จะส่งผลดีต่อเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ทั้งในแง่ผู้พัฒนารถยนต์และผู้พัฒนาสถานีสลับแบตเตอรี่ ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องแสดงความตั้งใจและกำหนดทิศทางที่ชัดเจนเนื่องจากตลาดรถกระบะในประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
จูนเหยา ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดยานยนต์ โดยได้เข้าซื้อกิจการ YUDO Auto ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2022 ซึ่ง YUDO Auto ได้ทำตลาดในจีนมาตั้งแต่ปี 2015 กับรถรุ่นแรก YUDO YUNTU ซึ่งเป็น SUV พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยนับตั้งแต่ปี 2022 บริษัทได้ใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านหยวน ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, การขยายธุรกิจ และ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งได้เริ่มมีการทำตลาดในหลายประเทศอาทิ อเมริกาใต้, ยุโรป, ญี่ปุ่น, เอเชีย, ตะวันออกกลาง และ สหราชอาณาจักร
จาง ไห่โป กล่าวว่า สำหรับแคมเปญซื้อรถรับตั๋วเครื่องบินนั้น มีแผนที่จะทำเป็นแคมเปญถาวรเพื่อเติมเต็มคอนเซปต์การเดินทางเลือกสร้างการจดจำแบรนด์หลังจากนี้
