นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ มอเตอร์โชว์ 2024 (Motor Show 2024) ที่มียอดจองจำนวนกว่า 17,517 คัน หรือคิดเป็น 32.78% ของยอดจองรวมภายในงานสะท้อนให้เห็นถึงผลการตอบรับของผู้บริโภค จากแบรนด์ที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและจำนวนรุ่นที่เพิ่มขึ้น โดยยอดจองรถยนต์ภายในงานทุก 3 คัน จะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน
ทั้งนี้ แม้ว่ายอดจองดังกล่าวจะมีจำนวนสูง แต่การเก็บข้อมูลยอดจองและนำมารายงานให้ผู้จัดงานของแต่ละบริษัท มีความแตกต่างกัน เช่น บางรายเก็บข้อมูลยอดจองจากทั่วประเทศด้วยเหตุผลที่ว่าใช้แคมเปญเดียวกันกับ มอเตอร์โชว์ ในขณะที่ บางรายเก็บข้อมูลยอดจองเฉพาะในงานเพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนเข้าร่วมงาน ดังนั้นจึงต้องจับตาดูตัวเลขจดทะเบียนของเดือน เมษายน ที่จะเป็นตัวสะท้อนผลสำเร็จของยอดจองที่เกิดขึ้น
สำหรับยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 3 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มีนาคม) มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ราว 2.2 หมื่นคัน โดยทั้งปีนี้มองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะอยู่ที่ในระดับหลักแสนคันอย่างแน่นอน จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 7.6 หมื่นคัน ด้วยปัจจัยการที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายเริ่มมีการประกอบภายในประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 (25 มี.ค. – 7 เม.ย. 65) : รวม 53,438 คัน (+24.6%)
ขณะเดียวกัน การแข่งขันด้านราคาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในงาน มอเตอร์โชว์ นั้นเป็นเรื่องที่แต่ละบริษัทผู้ผลิตรถยนต์กำหนดการตั้งราคาและการทำแคมเปญได้โดยอิสระ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ไม่สามารถเข้าไปควบคุมในส่วนดังกล่าวได้ แต่สิ่งที่ในฐานะ นายกฯ สมาคม เป็นห่วงคือการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงเกินจนกลายเป็นสงครามราคานั้นจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
“โดยปกติการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จะเพิ่มราคาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า แต่ในสถานการณ์สงครามราคานี้มีการปรับลดลงกระทบผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อที่กังวลเรื่องการลดราคา รวมถึงกระทบราคาของตลาดรถยนต์มือสองของทั้งผู้รับซื้อและผู้ขายด้วยเช่นกัน ดังนั้นมองว่าควรมีการกำหนดราคาให้มีเสถียรภาพ”
อย่างไรก็ตาม ตามหลักการน่าจะมีสมาพันธ์ของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน เพื่อเป็นตัวกลางการพูดคุยไม่เพียงเฉพาะการป้องกันการเกิดสงครามราคาแต่ยังเป็นตัวกลางในการติดต่ประสานงานกับภาครัฐ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการลงทุน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากกรณีที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนถูกมองว่าเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นายกฤษฎา กล่าวว่า ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจก่อนว่าทัวร์ศูนย์เหรียญในความหมายของการท่องเที่ยวที่บริษัททัวร์จีนพานักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วพาไปซื้อสินค้าและบริการของนักลงทุนชาวจีนเท่านั้นซึ่งไม่สร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศไทย มีความแตกต่างกันกับในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผู้ที่ทำธุรกิจจะต้องมีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อตั้งโรงงาน และจะต้องทำการก่อสร้างโรงงาน รวมถึงการเสียภาษี และต้องมีการจ้างงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงเฉพาะคนจีนเท่านั้น