slide 1
slide 1
Image Slide 2
Image Slide 2
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Homeข่าวสารข่าวประชาสัมพันธ์Lamborghini ฉลองครบรอบ 10 ปี ความเป็นกลางทางคาร์บอน ของโรงงานผลิตเมืองซัง'อกาตา โบโลนเญส

Lamborghini ฉลองครบรอบ 10 ปี ความเป็นกลางทางคาร์บอน ของโรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ฉลองครบรอบ 10 ปีของการเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) แบบสะสมของโรงงานผลิตเมือง ซัง’อกาตา โบโลนเญส ในปีนี้ ซึ่งแผนการดำเนินงานเพื่อผ่านการรับรองนี้ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากทุกภาคส่วนในองค์กร และทำให้โรงงานผลิตแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตแห่งแรกในเครือ Audi Group ที่ผ่านการรับรอง และยังเป็นแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรอง DNV

สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีก่อนมีการเปลี่ยน ‘ความยั่งยืน’ ให้กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทในอนาคต จนถึงวันนี้คือการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ถือเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจในการมุ่งมั่นพัฒนาที่ต่อเนื่อง สามารถวัดผลได้ และสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์อย่างแท้จริง

ความเป็นกลางทางคาร์บอนแบบสะสม (On-balance) หมายถึงการที่บริษัทสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากที่สุดตามมาตรการที่วางไว้ และทำการชดเชยในส่วนตกค้างและส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ผ่านโครงการลดคาร์บอนต่าง ๆ เพื่อให้ค่าสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งในกรณีของลัมโบร์กินีนั้น โรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผ่านการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรง ควบคู่ไปกับการชดเชย ผ่านโครงการที่ดำเนินการทั่วโลก ทั้งนี้ ไม่นับรวมการปล่อยคาร์บอนจากการใช้งานรถยนต์

Lamborghini

เส้นทางเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากการรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส ในปี 2558 ได้รับการสานต่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการนำมาตรการด้านประสิทธิภาพพลังงานและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ควบคู่ไปกับการชดเชยการปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ความเป็นกลางทางคาร์บอนไม่ใช่แค่การชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น แต่เริ่มจากการสร้างกลยุทธ์ที่เป็นระบบในการเฝ้าระวังและลดการปล่อยคาร์บอนอย่างรัดกุม ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัท สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานผลิตได้ 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 แม้ว่าขนาดของบริษัทจะใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าก็ตาม โดยใช้กระบวนการ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการดำเนินงานด้านประสิทธิภาพพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในการดำเนินงานครั้งสำคัญคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในปี 2553 ซึ่งต่อมาขยายจนครอบคลุมพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร และสามารถผลิตพลังงานมากกว่า 2 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปีให้แก่โครงข่ายไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 800 ตันต่อปี และในวันนี้ บริษัทกำลังวางแผนขยายระบบโซลาร์เซลล์เพิ่มเติมในพื้นที่คลังสินค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดคาร์บอน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อีก 2.89 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 1,200 ตันต่อปี เสริมสร้างการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของโรงงานให้เข้มแข็งมากขึ้น

แม้แต่การออกแบบอาคารของบริษัทก็ได้นำเอาแนวคิดนี้มาใช้แบบบูรณาการ โดยสำนักงานใหญ่ Torre 1963 ซึ่งเปิดตัวในปี 2560 ได้รับมาตรฐาน LEED Platinum ด้วยคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศอิตาลีที่ 92/100

ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ บริษัทได้ติดตั้งระบบผลิตพลังงานแบบไตรเจนเนอเรชันในปี 2558 และ 2560 ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน และพลังงานความเย็นได้ในกระบวนการเดียว ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,000 ตันต่อปี ลัมโบร์กินียังเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกในปะเทศอิตาลี ที่ใช้ระบบทำความร้อนจากก๊าซชีวภาพเมื่อปี 2558 สามารถผลิตพลังงานความร้อนได้ 3,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 500 ตัน

Lamborghini

และในปี 2565 บริษัทยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้านประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency Task Force) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขอบเขตงานที่ใช้พลังงานสูง พร้อมยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมของโรงงานผลิตอย่างต่อเนื่อง

Automobili Lamborghini ยังได้นำระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 14001:2015 และ ISO 50001:2018 มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการรับรองมาตรฐาน EMAS (Eco-Management and Audit Scheme ) ครั้งแรกในปี 2552 และมีการตรวจวัดการปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสื่อสารอย่างโปร่งใสและควบคุมผลกระทบอย่างเคร่งครัดของบริษัท

แนวทางการลดคาร์บอนจึงถูกต่อยอดสู่ทุกขอบเขตการทำงานที่มีการปล่อยคาร์บอน (Scope 1, 2 และ 3 ) ตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่า นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าสู่อนาคตด้วยการกำหนดกลยุทธ์ในแผน “Direzione Cor Tauri” โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างสมดุลระหว่างความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ในปี 2567 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานผลิต (Scope 1 และ 2) อยู่ที่ 29,849 ตัน ซึ่งลัมโบร์กินีตั้งเป้าหมายที่จะลดลงให้มากที่สุด โดยส่วนที่ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้จะถูกชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรอง

Lamborghini

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เริ่มต้นเส้นทางนี้ในปี 2558 ด้วยการลงทุนในโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับท้องถิ่น โดยเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสำหรับชุมชนที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนส่งเสริมการใช้จักรยานในเมืองโบโลญญา และโครงการดักจับคาร์บอนในบริเวณลากูน่าของเวนิส ซึ่งใช้ระบบกรองธรรมชาติจากพืชและความเค็มของน้ำทะเลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ

นับตั้งแต่ปี 2565 ลัมโบร์กินีได้คัดเลือกเฉพาะคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองขั้นสูงสุดในระดับสากล เช่น Gold Standard และ Verra ซึ่งให้ความสำคัญกับโครงการผลิตพลังงานหมุนเวียน และสอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมและมีความโปร่งใสอย่างแท้จริง

ปี 2568 ไม่เพียงเป็นวาระครบรอบ 10 ปีบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของโรงงานซัง’อกาตา โบโลนเญสเท่านั้น หากยังเป็นจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี โดยจะมีการจัดทำรายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) ฉบับแรกในประวิติศาสตร์บริษัท

รายงานฉบับนี้ไม่ใช่แค่เอกสารเปิดเผยข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือเพื่อการกำกับดูแลที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แผนงานที่กำลังดำเนินการ และเป้าหมายในอนาคต อย่างเป็นระบบและโปร่งใส รายงานนี้ยังช่วยให้หน่วยงานสามารถรวบรวมการติดตามผลการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลภายในองค์กร และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยยกระดับการสื่อสารกับผู้ถือประโยชน์ทุกฝ่ายอีกด้วย

นับตั้งแต่แนวทางการลดคาร์บอน ไปสู่การดูแลสุขภาวะของบุคลากร ตั้งแต่การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รายงานฉบับนี้จะเชื่อมโยงความมุ่งมั่นของลัมโบร์กินีไปสู่การเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบและความยั่งยืนอย่างแท้จริงในทุกมิติของการดำเนินงาน

- Advertisement -spot_img
Mitsubishi Mega Deal
Mitsubishi Mega Deal
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
previous arrow
next arrow
- Advertisement -spot_img

Stay Connected

400,000FansLike
6,955FollowersFollow
153,000FollowersFollow
319FollowersFollow
107,000SubscribersSubscribe

Must Read

Related News