Deepal L07 มีรุ่นปี 2026 ตามมาแล้วที่ประเทศจีน และเปิดตัวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2025 โดยความเปลี่ยนจะเน้นไปที่อุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ขุมพลังยังมีให้เลือกทั้ง EV และ EREV แต่ในส่วนของ EV นั้นปรับปรุงให้มีสมรรถนะดีขึ้นและขับได้ไกลขึ้นอีกด้วย สำหรับรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้
- ยาว : 4,875 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,890 มิลลิเมตร
- สูง : 1,480 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,900 มิลลิเมตร
ภายนอกของ Deepal L07 รุ่นปี 2026 ไม่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน พร้อมคงไว้ซึ่งค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.215 Cd เสริมด้วยไฟท้าย LED ยาว 1.2 เมตร ประกอบด้วย LED จำนวน 136 จุด ทั้งยังมีสปอยเลอร์หลังยกตัวอัตโนมัติ กระจกประตูเป็นแบบไร้กรอบ ส่วนมือเปิดประตูเป็นแบบซ่อน ส่วนสีตัวถังมีให้เลือก 5 สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีขาว, สีเทา และ สีดำ
ห้องโดยสารของ Deepal L07 รุ่นปี 2026 ปรับไปใช้พวงมาลัยท้ายตัด 3 ก้านแบบใหม่ ระบบแสดงผลมี AR-HUD ขนาด 55 นิ้ว พร้อมหน้าจอกลางความละเอียด 2.5K ขนาด 15.6 นิ้ว ปรับหมุนมุมได้ 15 องศา ทำงานร่วมกับชิพใหม่ Qualcomm Snapdragon 8295P อัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า รองรับคำสั่งเสียงผู้ช่วยอัจฉริยะ ด้านหลังของที่วางแขนหน้า ยังมีหน้าจอให้ผู้โดยสารหลังใช้ควบคุมระบบปรับอากาศ และองศาของเบาะหลัง ส่วนความจุพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังอยู่ที่ 473 – 1,180 ลิตร
ขุมพลังของ Deepal L07 รุ่นปี 2026 มีให้เลือกด้วยกันสองแบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- EV มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.2 วินาที แบตเตอรี่เป็นแบบ LFP มีสองขนาดระหว่าง 56.12 kWh ขับได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร และ 68.82 kWh ขับได้ไกลสุด 660 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC (รุ่นก่อน กำลังสูงสุด 248 แรงม้า ขับได้ไกลสุด 530 กิโลเมตร)
- EREV มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 235 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร พ่วงเครื่องยนต์ขนาด 5 ลิตร กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ไว้ปั่นไฟ เร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.4 วินาที แบตเตอรี่เป็นแบบ LFP ขนาด 28.39 kWh ขับได้ไกลสุดด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 240 กิโลเมตร หากน้ำมันเต็มถังด้วย จะขับได้ไกลกว่า 1,500 กิโลเมตร
Deepal L07 รุ่นปี 2026 เพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Huawei Qiankun ADS 4.0 SE มาให้ทุกรุ่นย่อย ทำงานร่วมกับเรดาร์, เรดาร์ Ultrasonic 12 จุด และ กล้องมองภาพ 10 จุด รองรับคำสั่งช่วยเหลือผู้ขับขี่ 21 รูปแบบ ส่วนกำหนดการออกจำหน่าย เริ่มขึ้นแล้วที่ประเทศจีน โดยมีให้เลือก 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยสำหรับขุมพลัง EV และ 2 รุ่นย่อยสำหรับขุมพลัง EREV ส่วนราคาจำหน่ายที่นั่น แบ่งตามประเภทขุมพลังได้ดังนี้
- รุ่น EV ราคา 145,900 – 165,900 หยวน (ราว 659,000 – 750,000 บาท)
- รุ่น EREV ราคา 145,900 – 155,900 หยวน (ราว 659,000 – 704,000 บาท)
ที่มา: carnewschina, cnevpost
