นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MG เปิดเผยว่า การใช้สงครามราคา (Price War) ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับกลยุทธ์ดังกล่าวในประเทศจีน ซึ่ง เอ็มจี เราระมัดระวังในการใช้การลดราคาเท่าที่จำเป็น โดยการเกิดสงครามราคาในปัจจุบันของบริษัทผู้ผลิตจีนที่กระโดดเข้าสู่สงครามราคาน่าจะเริ่มเข้าใจว่าวิธีการใดเหมาะกับตลาดประเทศไทย หลังจากนี้จะต้องดูไปอีกสักระยะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราคาอย่างเป็นทางการ MG4 X POWER รถไฟฟ้า100% : 1,119,900 บาท | 435 แรงม้า 0-100 km/h 3.8 วินาที
ทั้งนี้ สำหรับการเข้ามาของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ต้องยอมรับว่ามีทั้งคู่แข่งทางตรงและทางอ้อม ผสมโรงทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปภายใน ซึ่งวิธีการทำการตลาดของแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน โดย เอ็มจี เน้นการทำตลาดรถยนต์ภายใต้แบรนด์เดียว ขณะที่อีกหลายแบรนด์ใช้วิธีการทำตลาดแบบมัลติแบรนด์กระจายออกไปหลายแบรนด์
“ตลาดนอกประเทศจีนและตลาดยุโรป อาจไม่ได้เหมาะกับการทำมัลติแบรนด์ เท่าไรนักในมุมมองของเรา ดังนั้นการเปิดตัวของเราไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดภายใต้ SAIC จะอยู่ภายใต้แบรนด์ MG ภายในประเทศไทย”
ขณะที่ MG มองว่าการเปิดตัวของแบรนด์จีนที่เข้าสู่ตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมากซึ่งมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ จะช่วยสร้างปริมาณความต้องการ (ดีมานด์) ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดได้
สำหรับสถานการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยและสถานการณ์กำลังซื้อในช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงช่วง 2 เดือนแรกของปี เกิดจากหนี้ครัวเรือนสูงที่เกิดขึ้นจากภาครัฐและภาคเอกชนส่งผลต่อกำลังซื้อภาคบริโภค โดยยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้บริโภคในการพิจารณา
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนของรัฐบาลมาถูกทางแล้วในการสนับสนุนด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของตลาดโลก แต่บริษัทมองว่าการสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมต้นทน้ำในการผลิตแบตเตอรี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของไทยมีความสามารถในการผลิต และหลังจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้านการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ที่จะเป็นตัวสร้างความเชื่อมั่นทั้งระบบของการใช้แบตเตอรี่