เชื่อว่าเราทุกคนต่างรู้จัก “ยางรถยนต์” กันทุกคน และผมก็เชื่อว่า ทุกคนรู้จักแบรนด์ยางรถยนต์ที่ชื่อว่า “มิชลิน” อย่างแน่นอน
ยางรถยนต์มีความสำคัญอย่างไร? ยางรถยนต์ทำหน้าที่ยึดเกาะพื้นผิวถนนให้กับรถยนต์ทุกคันที่วิ่งอยู่บนโลกใบนี้ ยางรถยนต์ที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร? ผมเชื่อว่าทุกคนตอบได้อย่างแน่นอน
แต่…ยางรถยนต์ที่ดีจะทำหน้าที่แค่ยึดเกาะพื้นผิวถนนเท่านั้นหรือ?
จะทำหน้าที่แค่ ปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถเท่านั้นหรือ?
ก็อาจจะเป็น “คำตอบที่ถูกต้อง หากเรามองแค่ “หน้าที่” ของ “ยาง” แต่เพียงอย่างเดียว
แต่ในปัจจุบันนี้ บริษัทผู้ผลิตยาง ไม่ได้ผลิตยางรถยนต์เพื่อให้ทำหน้าที่เพียงแค่ ควบคุมสมรรถนะของรถยนต์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยางรถยนต์มีความหมายยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น
เพราะยาง เปรียบเสมือนตันแทนของการ “เดินทาง” ของคนบนโลกใบนี้ ซึ่งการเดินทางนั้น เป็นการเชื่อมโยงคนไปยัง “สถานที่” หรือจุดหมายใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ทั่วไป จักรยานสำหรับขับขี่ในเมือง จักรยานภูเขา เครื่องบินพาณิชย์ มอเตอร์ไซค์ รถดับเพลิง รถพยาบาล รถโรงเรียน หรือรถขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าคุณจะเลือกไปในเส้นทางไหนหรือไปที่ใด มิชลินพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอในทุกเส้นทาง #MichelinMotionForLife
ดังนั้น การเดินทางที่เกิดขึ้น ต้องเป็นการเดินทางที่ รักษ์โลก ให้อยู่คู่กับเราไปในแบบ sustain หรือในแบบยั่งยืนอีกด้วย
และ มิชลิน คือ แบรนด์ยางรถยนต์ที่ไม่ได้มีหน้าที่ ผลิตยางรถยนต์มาขาย เท่านั้น แต่มิชลิน ยังมีความตั้งใจผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เริ่มตั้งแต่ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ยางยุคใหม่
กว่า 135 ปีที่มิชลินมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและคิดค้น นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนายางที่ดีต่อคุณในทุกเส้นทางและดีต่อโลก ในปัจจุบัน ยางทุกเส้นของมิชลินถูกออกแบบด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน (Performance Made to Last หรือ PMTL) ที่มอบสมรรถนะยางที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่วันแรกที่ใช้ไปจนถึงวันที่เปลี่ยนยางในรอบต่อไป
นั่นคือ สิ่งที่มิชลิน ยึดถือมาตลอด 135 ปีในโลก และ 36 ปีในไทย
วันนี้ เราทราบกันดีว่า “คุณสมบัติเด่น” ของยางมิชลิน คือการให้สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุการใช้งาน!! ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะในการเบรก การหยุดรถ การยึดเกาะถนน และการควบคุมรถ ยังคงประสิทธิภาพดียาวนานจนกระทั่งดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งผลต่อการขับขี่ปลอดภัยในระยะยาว
ซึ่งกว่า ที่ มิชลิน จะผลิตยางให้มี สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุการใช้งาน นั้นเชื่อหรือไม่ว่า เป็นผลมาจากการวิจัยหลายพันชั่วโมง และการทดสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้ “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุการใช้งาน” ตามแกนหลักของ “จิตวิญญาณ” ด้านนวัตกรรมของมิชลิน
หลายๆคนอาจมองว่า คุณสมบัติดังกล่าว เป็นคุณสมบัติทางการตลาดทั่วไป ไม่เห็นมีความสำคัญอันใด ต่อโลกใบนี้ ไม่เห็นช่วยสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใ
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…ที่จะคิดแบบนั้น แต่การที่ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ก็จะส่งผลให้เปลี่ยนยางบ่อยน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือลดการสิ้นเปลืองพลังงาน, ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้วัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยางใหม่ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งต่อผู้ขับขี่และต่อโลกใบนี้
นอกจากนี้ การหา “วัตถุดิบ” มาผลิตยางรถยนต์ ก็เป็น 1 ในนวัตกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะ มิชลิน ให้ความสำคัญในเรื่องวัตถุดิบสำหรับผลิตยางรถยนต์อย่างมาก ด้วยการลงทุน รีไซเคิล “ขยะ” ไม่ว่าจะเป็นถ้วยโยเกิร์ต หรือชวดพลาสติกใช้แล้ว เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ที่มิชลินใช้ “นวัตกรรมด้านวัสดุชีวมวล หรือ (Bio-Sourced Materials) และวัสดุที่ได้จากการคืนสภาพ (Regenerated Materials)
ซึ่งสามารถช่วยให้มิชลินสามารถเปลี่ยนขยะในชีวิตประจำวัน ให้เป็นวัสดุในการผลิตยางรถยนต์เส้นใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อื่นๆ ได้มากขึ้น โดยภายในปี 2573 หรือ ปี 2050 มิชลินตั้งเป้าที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลปริมาณสูงถึง 13.5 ล้านตัน!! ในการผลิตยางรถยนต์
นอกจากนี้ มิชลิน ยังมีแนวคิดที่สุดโต่งมากๆ กับเป้าหมายระยะยาวที่ระบุว่าภายในปี 2593 มิชลินจะผลิตยางรถยนต์จากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุจากชีวมวล หรือที่เรียกว่า “วัสดุยั่งยืน” อีกด้วย ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่มุ่งมั่นในการพัฒนายางล้อ สู่ความยั่งยืนทุกด้าน (All-Sustainable Approach) เพื่อขับเคลื่อนการสัญจรที่ยั่งยืน
แคมเปญ “On the Road and Beyond!” ของมิชลินในปี 2024 สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของบริษัทที่ไม่ได้จำกัดแค่ธุรกิจยาง มิชลินได้ใช้ความเชี่ยวชาญในด้านยางและเทคโนโลยีวัสดุโพลิเมอร์คอมโพสิตในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนโลกให้ดียิ่งขึ้นผ่านนวัตกรรมที่ออกแบบเพื่อทุกการเดินทาง ที่ดีผู้ใช้และดีต่อโลก
และการพัฒนายางรถยนต์ของมิชลินยังไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ยางที่ใส่ในยานพาหนะบนโลกใบนี้ แต่ยังเดินหน้าพัฒนายางที่ใช้กับกระสวยอวกาศอีกด้วย
เพราะกลุ่มบริษัทมิชลิน ได้ร่วมมือกับนาซาในฐานะผู้จัดหายางเพียงรายเดียวสำหรับกระสวยอวกาศและร่วมเดินทางไปกับภารกิจ 135 ครั้ง ระหว่างปี 1981 ถึง 2011 ด้วยโครงการวิจัยล้อไร้ลมสำหรับดวงจันทร์ของมิชลิน (MiLAW) มิชลินตั้งเป้าที่จะนำเสนอล้อที่จะปฏิวัติวงการ เพื่อใช้กับยานสำรวจดวงจันทร์ โดยมิชลินใช้ประสบการณ์ที่พัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ทั้งโซลูชั่นการเคลื่อนที่ไร้ลม (MICHELIN UPTIS และ MICHELIN TWEEL) และวัสดุไฮเทคระดับสูง)
สำหรับเป้าหมายของโครงการคือการพัฒนาล้อที่สามารถติดตั้งกับยานสำรวจดวงจันทร์ สภาพแวดล้อมอวกาศจะทำให้ล้อต้องเผชิญกับอุณหภูมิต่ำมาก (-243°C) และความท้าทายของคลื่นรังสีดวงอาทิตย์และกาแล็กซี ยานสำรวจจะต้องมีความสามารถในการเดินทางไกล (แบตเตอรี่ไฟฟ้า) และครอบคลุมระยะทางไกลมากโดยไม่เกิดความเสียหาย ข้อกำหนดทั้งสองนี้ส่งผลให้ มิชลิน ต้องพัฒนายางที่ลดแรงต้านทานของล้อในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าบนพื้นดินที่เป็นตะกอนฝุ่นหินของดวงจันทร์ (Regolith) เพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี และทำให้ล้อมีความแข็งแรงทางกลศาสตร์ ข้อจำกัดแต่ละข้อจะสร้างแนวทางในการวิจัยขั้นสูง เช่น การขับเคลื่อนบนดินดวงจันทร์หรือความเมื่อยล้าในสภาพแวดล้อมแบบเย็นจัด
ข้อจำกัดต่างๆ ทำให้วัสดุยางชนิดต่าง ๆ ที่ มิชลินออกแบบในยางรถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้ทันที ดังนั้นจึงต้องพัฒนาวัสดุชนิดใหม่ที่สามารถทนต่อสภาพสุดขั้วเหล่านี้ มิชลินเชื่อว่าการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นภายในกรอบของโครงการนี้จะสะท้อนกลับมาสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับใช้งานบนโลกต่อไป
หันกลับมาที่ การใช้ยางล้อในโลกวันนี้ ที่พัฒนาการของรถยนต์กำลังเดินหน้าไปสู่ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิชลิน เองก็ไม่ได้ละเลยที่จะพัฒนายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน โดย มิชลินได้ ออกแบบยางให้มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยให้การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างเต็มสมรรถนะ ทั้งในแง่ระยะใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง, ระยะทางวิ่ง (กิโลเมตร), ความเงียบภายในห้องโดยสาร และความปลอดภัย พร้อมทั้งให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
ซึ่งยางมิชลินทุกเส้นเป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานรถไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะมิชลินรวมถึงการเลือกยางที่ตอบโจทย์การเดินทางและมีแรงกำลังที่สามารถรองรับน้ำหนักของรถ EV ได้
นอกจากการพัฒนายางรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รักโลกมากขึ้นแล้ว มิชลิน เองยังกระโดดเข้าไปสู่วงการอาหารอีกด้วย!!
“มิชลินไกด์” ชื่อรางวัลนี้ ผมว่าเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของรางวัลนี้ ในทุกๆ ปี มิชลิน จะประกาศคู่มือ มิชลินไกด์ ออกมา และประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มี ร้านอาหารที่ได้ มิชลินไกด์ เช่นเดียวกัน
รางวัล มิชลินไกด์ นี้หลายคนน่าจะเข้าใจว่า ร้านที่ได้รับรางวัล จะต้องเป็นร้านอาหารที่ มีรสชาตของอาหาร ในระดับนานาชาติ ทำให้มีนักท่องเที่ยวไปต่อคิว เข้าไปรับประทานอาหารที่ได้รับรางวัลนี้กันมากมาย กลายเป็นว่ารางวัล มิชลินไกด์ เป็นตัวแทนของรสชาต อาหารไปเสียแล้ว
แต่ในความเป็นจริง รางวัล มิชลินไกด์ นั้นลึกซึ้งมากกว่า รสชาติของอาหาร แต่เป็นรางวัลที่ มิชลิน ส่งเสริมการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ มุ่งมั่นสนับสนุนการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รางวัล “ดาวมิชลินรักษ์โลก” (MICHELIN Green Star) ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 2563 เป็นรางวัลใหม่ที่มอบให้แก่เชฟผู้มีความโดดเด่นในการประกอบอาหารด้วยความรับผิดชอบ และมีส่วนส่งเสริมให้ลูกค้าดำเนินวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมากขึ้น
ร้านอาหารที่ได้รางวัลนี้ ต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับรางวัลสีเขียวนี้?
รางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก คือรางวัลที่ประกาศประจำปี สำหรับร้านอาหารแถวหน้าของวงการที่โดดเด่นเรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน พวกเขาแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีมาตรฐาน ทั้งยังร่วมมือกับผู้ผลิตและคู่ค้าเพื่อเลี่ยงการสร้างขยะเหลือใช้ รวมถึงลดการใช้พลาสติกและวัสดุที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกด้วย
นั่นคือการเข้าไปมีส่วนร่วมกับสังคมที่ไม่ใช่แค่ ยางล้อ ของมิชลิน และก็ได้สร้างกระแสความสำเร็จ และความตื่นตัวในเรื่องของสิ่งแวดล้อมในวงการอาหารได้อย่างมากมาย
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ยางที่ชื่อ มิชลิน ชื่อที่เราคุ้นเคย แต่เราไม่ได้รู้จักกับความมุ่งมั่นในการพัฒนายางรถยนต์ รวมไปถึงยางสำหรับพาหนะทุกรูปแบบ ให้มีความยั่งยืนไปกับโลกใบนี้
ปรบมือ และเป็นกำลังใจให้ กับ มิชลิน 136 ปีที่ผ่านมา เป็น 136 ปีที่มีค่าเหลือเกินกับการวิจัยและพัฒนาที่เกิดขึ้น แต่เราเชื่อว่า 136 ปี ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ มิชลิน หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางล้อ สำหรับยานพาหนะบนโลกใบนี้ และเราเชื่อว่า มิชลิน ยังเดินหน้าพัฒนา ยางล้อ ที่เป็นมิตรกับโลก เป็นมิตร กับเราได้อย่างยั่งยืนต่อไป
“Every day, Michelin innovates to move the world forward on the road and beyond. Michelin, Motion for life”.
มิชลินคิดค้นนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องด้านธุรกิจยางและนอกเหนือไปกว่านั้น เพื่อมอบประสบการณ์สัญจรที่ดีต่อคุณและเป็นมิตรที่ดีต่อโลก
Campaign Link : https://bit.ly/4dO4BiE