Mercedes Benz ประเทศไทย กลับลำเตรียมนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) คือ Mercedes-Benz EQC 400 4Matic เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ ตามโควต้าที่รัฐบาลอนุมัติให้นำเข้าแบบไม่เสียภาษี จำนวน 50 คัน หวังปูทางสร้างการรับรู้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ก่อนลุยทำตลาดเต็มตัวหลังรุ่นที่ประกอบในประเทศพร้อมจำหน่ายในปี 2564
เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย ปรับแผนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQC 400 4Matic ใหม่หลังจากที่ผ่านมา นายใหญ่เบอร์ 1 ของ เมอร์เซเดส เบนซ์ ประเทศไทย นั่นคือ มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เคยออกมาประกาศว่า เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย จะชะลอแผนการทำตลาดรถ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ในบ้านเราไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลมากพอที่จะทำให้ เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย นำเข้ารถยนต์ Mercedes-Benz EQC 400 4Matic เข้ามาจำหน่ายในรูปแบบรถนำเข้า 100% (CBU) โดยจะรอทำตลาด”เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ที่ผลิตในประเทศไทยและขายในปี 2564 ทีเดียวเลย
แต่ในวันนี้ มร.โฟล์เกอร์ ยอมรับว่าได้เปลี่ยนแผนการทำตลาด “เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ในไทยใหม่ โดยตัดสินใจนำเข้า Mercedes-Benz EQC 400 4Matic จากประเทศเยอรมันเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ตามโควต้าที่รัฐบาลอนุมัติ แม้จะไม่ได้ตามจำนวนที่ทางเมอร์เซเดส–เบนซ์ ขอไปก็ไม่เป็นไร ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
แหล่งข่าวจาก เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย กล่าวกับ autolifethailand ว่าเมอร์เซเดส–เบนซ์ ต้องการทำตลาด“เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ในประเทศไทยในช่วงนี้ให้ได้ ซึ่งจำนวนที่รัฐบาลให้โควต้านำเข้าแบบไม่เสียภาษีในจำนวน50 คันในปีนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ
“เราต้องการทำตลาดรถไฟฟ้าให้ได้เร็วที่สุด เพราะในวันนี้ค่ายรถหลายค่ายก็เริ่มทำตลาดรถไฟฟ้าแล้ว โดยเราจะนำเข้า Mercedes-Benz EQC 400 4Matic มาในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้อย่างแน่นอน”
สำหรับแผนการทำตลาด “เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ล็อตแรกนั้นเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย จะยังไม่จำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป แต่จะเน้นการจำหน่ายให้กับองค์กรขนาดใหญ่ก่อน เนื่องจากต้องการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าที่ยังมีจำนวนจำกัด
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะส่งรถ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ให้กับตัวแทนจำหน่ายทั้ง 36 ราย ให้เป็นรถยนต์ทดลองขับ (demo) เพื่อให้ลูกค้าทั่วไปได้มีโอกาสได้ขับและได้รับประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าของ เมอร์เซเดส เบนซ์ แบบการใช้งานจริง
“ในช่วงต้นเราได้ Mercedes-Benz EQC 400 4Matic มาไม่ถึง 100 คัน โดยเราจะขายผ่านดีลเลอร์หลักๆแค่ 4 ราย โดยดีลเลอร์ทั้ง 4 รายต้องได้รับการอบรมเรื่องการบริการหลังการขายรถEV อย่างเป็นทางการ และลงทุนเครื่องมือในการซ่อมบำรุงรถ EV ด้วย และการขายรถล็อตแรกนั้นจะขายให้กับกลุ่มคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ก่อน ยังไม่ขายให้กับลูกค้าส่วนบุคคล และเราจะส่งมอบรถไฟฟ้าให้กับดีลเลอร์ทุกราย ให้นำไปเป็นรถทดลองขับให้กับลูกค้า ซึ่งดีลเลอร์ทุกรายต้องติดตั้งสถานีชาร์จไฟ ที่ต้องลงทุนเพิ่มประมาณ 2 ล้านบาทต่อแห่ง”
แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า การทำตลาด “เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” ล็อตแรกนั้นไม่ได้ต้องการจำนวนยอดขาย หรือกำไร แต่ต้องการสร้างการ “รับรู้” เกี่ยวกับรถไฟฟ้าของเมอร์เซเดส เบนซ์ ให้ลูกค้าและสังคม เนื่องจากเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังใหม่กับประเทศไทย ประกอบกับการสนับสนุนของรัฐบาลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ ก็ยังไม่เท่ากับในบางประเทศ
ทั้งนี้ การทำตลาด“เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” อย่างเป็นทางการของเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย จะเริ่มอย่างจริงจังหลังจากการเปิดตัว Mercedes-Benz EQC 400 4Matic รุ่นประกอบในประเทศไทย เปิดตัวในช่วงกลางปี 2564 โดยจะทำตลาดทั้งในไทยและส่งออกด้วย
และในประเทศไทยไม่ใช่แค่ การทำตลาดแค่ EQC 400 เท่านั้น แต่เมอร์เซเดส เบนซ์ ประเทศไทย ยังมีแผนการทำตลาด“เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า” รุ่นอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคตอย่าง EQS อีกด้วย
“เราตั้งเป้ายอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้า ในหลักพันคันสำหรับรุ่นประกอบในประเทศ ไม่ใช้ทำตลาดแค่หลักร้อยคัน”
สำหรับราคาจำหน่าย Mercedes-Benz EQC 400 4Matic นั้นในสหรัฐฯ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 67,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 3 ล้านกว่าบาท (กรณีไม่เสียภาษีนำเข้า)
สำหรับ ข้อมูลทางเทคนิคของ Mercedes-Benz EQC 400 4Matic รถรุ่นนี้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พลังสูงสุดที่ 402 แรงม้า แรงบิด 765 นิวตันเมตร สร้างอัตราเร่ง 0-96 ได้ใน 4.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟให้เต็ม 10-100% ได้ใน 10 ชั่วโมงผ่าน Wallbox และชาร์จเร็วที่กำลังไฟ 110 กิโลวัตต์ จาก 10-80% ได้ในเวลา 40 นาที วิ่งได้ไกลสูงสุดราว 450 กิโลเมตรจากการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง