นาย Zhu Huarong, Chairman, CHANGAN Automobile กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 โดยร่วมมือกับพันธมิตรในวงการยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่สัญชาติจีน ได้แก่ CAC, Geely, Great Wall Motor, BYD, GAC, DFMC, NIO, BAIC, Xpeng, SAIC, Tencent และ Infineon เพื่อพัฒนาและเสริมศักยภาพเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปสู่ยุคแห่งการขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกคนและเปิดศักราชใหม่แห่งการขับขี่อัจฉริยะของประเทศจีน โดยแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 ถูกพัฒนาเพื่อ “ยานยนต์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเข้าใจคน” ภายใต้แนวทางการวิจัยและพัฒนาภายในควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ร่วมกัน พร้อมเปิดตัวโครงการ “การยกระดับดิจิทัลอัจฉริยะ 4 ด้าน”
“การแข่งขันของแบรนด์สัญชาติจีนที่ต่างมุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศในตลาดตลอดจนความคาดหวังที่ต้องการให้ทุกค่ายร่วมมือกันเสมือนการไหลไปสู่ความสำเร็จร่วมกันบนกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำเหลือง”
ทั้งนี้ แผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 ยังสร้างแบบแผนใหม่สำหรับการขับขี่อัจฉริยะด้วยดิจิทัลในอนาคต โดยนับจากปีนี้เป็นต้นไป CHANGAN จะยุติการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยานยนต์อัจฉริยะ และภายในระยะเวลา 3 ปี จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่ 35 รุ่น
นอกจากนี้ ฉางอัน Tops AD ตั้งเป้าที่จะใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติสำหรับทุกสถานการณ์ระดับ 3 ภายในปี 2569 และจะใช้งานฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติสำหรับทุกสถานการณ์ระดับ 4 ภายในปี 2571 ที่สำคัญ CHANGAN คาดว่าจะทดสอบเทคโนโลยี eVTOLs รุ่นใหม่เสร็จสิ้นภายในปี 2568 และจะเริ่มผลิตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robot) ภายในปี 2571
สำหรับโครงการ “การยกระดับดิจิทัลอัจฉริยะ 4 ด้าน” เมื่อปี 2561 ฉางอัน ได้ริเริ่มกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan พร้อมกับประกาศใช้แผน “4+1” อย่างเป็นทางการและเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านด้านความอัจฉริยะให้กับแบรนด์จากประเทศจีน ตลอดระยะเวลา 7 ปี ฉางอัน บรรลุเป้าหมายของแผนระยะที่ 1.0 โดยได้เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ โดยในปี 2568 CHANGAN สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย AI ภายใต้แนวคิด “AI ขับเคลื่อนทั้งนวัตกกรรมและ CHANGAN” บริษัทกำลังยกระดับศักยภาพให้อัจฉริยะยิ่งกว่าที่เคยด้วยการเปิดตัวแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 โดยมีกลยุทธ์ “4 เสาหลักแห่งการเพิ่มประสิทธิภาพความอัจฉริยะทางดิจิทัล” (Four Pillars of Digital Intelligence Enhancement) รองรับแผนงานนี้
กลยุทธ์ที่ 1: ยกระดับโซลูชันดิจิทัลอัจฉริยะเพื่อการเข้าถึงการขับขี่อันชาญฉลาดของทุกคน
ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ
ฉางอัน ตั้งชื่อเทคโนโลยีตามแพลตฟอร์ม SDA และ CHANGAN Tops Model ประกอบด้วย ระบบขับขี่อัจฉริยะ CHANGAN Tops AD ห้องโดยสารอัจฉริยะ CHANGAN Topspace และแชสซีควบคุมอัจฉริยะ CHANGAN Tops Chassis ทั้งสามเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม โดยในเดือนสิงหาคม CHANGAN Tops AD จะนำเสนอ LiDAR เป็นครั้งแรกในรถยนต์รุ่นราคาประมาณ 100,000 หยวน พร้อมกับศักยภาพการหลีกเลี่ยงการชนในสภาพแวดล้อมที่มืดมากและสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยด้วยความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนที่ดีที่สุดในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ความเร็วในการหลีกเลี่ยงการชนของระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB: Automatic Emergency Brake) จะเพิ่มขึ้นเป็น 135 กม./ชม. แชสซี Tianheng จะมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยมเพื่อความปลอดภัยเหนือชั้น ครอบคลุม 3 ทิศทางและ 6 โดเมนโดยจะเปิดตัวฟีเจอร์ต่างๆในเดือนมิถุนายน
ด้านแหล่งพลังงานดิจิทัลอัจฉริยะ
สุนัขหุ่นยนต์ไล่ฝู (Lai Fu) นำเสนอแบตเตอรี่โซลิดสเตต CHANGAN Golden Shield ที่มีความหนาแน่นทางพลังงาน 400 Wh/kg ให้ระยะทางมากกว่า 1,500 กิโลเมตรต่อหนึ่งรอบการชาร์จเต็ม ทั้งยังสามารถใช้ AI วิเคราะห์ได้จากระยะไกลช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้นถึง 70% โดยคาดว่าจะเปิดตัวแบตเตอรี่ต้นแบบภายในสิ้นปีนี้ และมีแผนจะนำไปทดสอบกับยานยนต์ในปี 2569 ก่อนจะผลิตสำหรับจำหน่ายในปี 2570
ด้านผลิตภัณฑ์อัจฉริยะดิจิทัล
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ฉางอัน จะไม่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยานยนต์อัจฉริยะอัจฉริยะอีกต่อไป และในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะมีการเปิดตัวยานยนต์อัจฉริยะใหม่ 35 รุ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์ 10 รุ่นจาก CHANGAN NEVO เช่น SUV ขนาดกะทัดรัดราคาเข้าถึงได้, SUV ขนาดกลางถึงใหญ่ และ MPV ขนาดกลางถึงใหญ่ ส่วน DEEPAL จะแนะนำผลิตภัณฑ์ 10 รุ่น รวมถึงรถซีดานขนาดกะทัดรัด, SUV ขนาดใหญ่แบบ 6 ที่นั่ง และออฟโรดรุ่นใหม่ รวมไปถึง AVATR จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 7 รุ่น รวมถึง SUV ขนาดกลางถึงใหญ่แบบ 5 ที่นั่ง, SUV ขนาดใหญ่แบบ 6 ที่นั่ง และรถซีดานขนาดกลางถึงใหญ่
กลยุทธ์ที่ 2: ยกระดับการผลิตคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอันชาญฉลาด
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ฉางอัน จะเร่งพัฒนาโรงงานทั้งหมดเป็นโรงงานดิจิทัลอัจฉริยะที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบขึ้น 40% ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยคาร์บอนลง 30% และลดต้นทุน 20%
กลยุทธ์ที่ 3: ยกระดับบริการด้วยกระบวนการทางดิจิทัลล้ำสมัย
ฉางอัน กำลังขับเคลื่อนกลยุทธ์ One Body, Two Wings ในการพัฒนา AI โดยปรับรูปแบบกระบวนการทั้งหมดของการวิจัย การผลิต การจัดหา การขาย และการบริการผ่าน AI บริษัทกำลังเสริมสร้างแพลตฟอร์มการจัดการดิจิทัลอัจฉริยะ (DDM) เพื่อสร้างระบบสำหรับให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
กลยุทธ์ 4: กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมด้วยการยกระดับระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะ
ฉางอัน กำลังเชื่อมเข้ากับระบบนิเวศอุตสาหกรรมเพื่อร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้าน AI, ICT และ IoT ในประเทศจีน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศผู้พัฒนา โดยเปิดส่วนต่อประสานซอฟต์แวร์ (Software Interface) และชุดเครื่องมือ SDK ให้กับนักพัฒนาทั่วโลก ในปีนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์ม Changan SDA จะรองรับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และการสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้น ฉางอัน ได้ดำเนินการตามแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 1.0 จนบรรลุเป้าหมายการส่งมอบประสบการณ์อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมดเชื่อมต่อกันได้ 100% และการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา รวมถึงการเป็นผู้ผลิตรายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ทั้งนี้ ฟังก์ชันทั้งหมดในรถยนต์จะสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ 100% ภายในปี 2568 โดยล่าสุด ผู้ช่วยอัจฉริยะ Xiao An ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้รถแล้วกว่า 4.68 ล้านคน
ขณะเดียวกัน การทดสอบการขับขี่อัจฉริยะระยะไกล 2,000 กิโลเมตรครั้งแรกของประเทศจีน รวมถึงการผลิตเทคโนโลยี IACC (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับตัวอัจฉริยะ) ระดับ 2 เป็นจำนวนมากครั้งแรก และการเปิดตัวระบบจอดรถระยะไกลไร้คนขับ APA 7.0 ที่ผลิตจำนวนมากเป็นครั้งแรกของโลก มอบประสบการณ์การจอดรถที่ราบรื่น นอกจากนี้ CHANGAN ยังพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงใน DEEPAL E07 และสามารถผลิตระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ได้อีกด้วย สำหรับด้านความร่วมมือทางนวัตกรรม CHANGAN ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง อาทิ Qiankun Intelligent Driving และ HarmonyOS ในผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ AVATR และ DEEPAL
ปัจจุบัน การใช้แผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ ฉางอัน ที่จะเร่งนำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงจรผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ โดยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา แบรนด์ DEEPAL ได้เปิดตัวโซลูชันการขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกสถานการณ์ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการขับขี่อัจฉริยะได้อย่างแท้จริง และยังได้อวดโฉม DEEPAL S09 พร้อมรถยนต์อีกหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น DEEPAL S05, DEEPAL S07 และ DEEPAL L07
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดตัว AVATR 07 Pro+ และ CHANGAN Q07 ในเร็วๆ นี้ โดย AVATR 07 Pro+ จะมาพร้อม Qiankun Intelligent Driving และ HarmonyOS ทำให้เป็นรถยนต์ขับขี่อัจฉริยะที่ล้ำสมัยและคุ้มค่าที่สุดในตลาดปัจจุบัน ส่วน CHANGAN E07 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เป็นรถยนต์แบบปรับเปลี่ยนได้อัจฉริยะในทุกสถานการณ์รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ผลิตจำหน่ายเป็นจำนวนมากในอุตสาหกรรม โดยเปิดตัวพร้อมกับฟีเจอร์เปลี่ยนเลนอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยเสียง ขณะที่ CHANGAN Q07 ที่จะเปิดตัวในอนาคต สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SDA ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งหมดด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้าง SUV อัจฉริยะสำหรับทั้งครอบครัว ตอกย้ำภารกิจของ CHANGAN Automobile ที่ต้องการให้สังคมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะและยานยนต์ดิจิทัลอัจฉริยะมูลค่าสูงได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ฉางอัน นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสนับสนุนการการดำเนินแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมาได้ลงทุนมากกว่า 114.8 พันล้านหยวน สร้างทีมวิจัยและพัฒนา 18,000 คน ก่อตั้งกลุ่มบุคลากรด้านซอฟต์แวร์และ AI มากกว่า 5,000 คน รวมถึงบรรลุมาตรฐานมากกว่า 200 รายการ และสิทธิบัตร 9,345 รายการ เพื่อพัฒนายานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ 46 คัน และมอบประสบการณ์ยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะคุณภาพสูงแก่ผู้ใช้ 28 ล้านคน ทั้งหมดนี้ได้ผลักดันให้บริษัทบรรลุเป้าหมายภายใต้แผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 1.0 พร้อมกับยกระดับคุณภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำยอดขายได้สูงสุดในรอบ 7 ปี ปัจจุบัน CHANGAN Automobile ดำเนินแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 ในการเป็นผู้นำแห่งอนาคตด้านดิจิทัลอันชาญฉลาด สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีและความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมจีนให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีโลก รวมทั้งสร้างสัญลักษณ์ใหม่ระดับโลกให้กับการขับขี่อัจฉริยะจากประเทศจีน
ในอนาคต ฉางอัน จะยังคงยึดมั่นในแผนการก่อตั้งธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการฉบับที่ 3 (The Third Business Venture& Entrepreneurship Plan) พร้อมทั้งเดินหน้าด้วยแผนพัฒนาแบบอัจฉริยะ Dubhe Plan 2.0 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะมียอดจำหน่ายยานยนต์รวมมากกว่า 5 ล้านคันภายในปี 2573 โดยในจำนวนดังกล่าวจะเป็น 4 ล้านคันจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง และอีกกว่า 3 ล้านคันเป็นยานยนต์ดิจิทัลอัจฉริยะเพื่อให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก
