เมอร์เซเดส–เบนซ์ รุกตลาดปลั๊กอินไฮบริด เปิดตัว Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศในสองรุ่นย่อย คือ The C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท และ The C 300 e Avantgarde ราคา 2,699,000 บาท
มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ คือ รถยนต์ ปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 โดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 30% และช่วยให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเทคโนโลยีนี้มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการและฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- Vehicle status ที่จะบอกสถานะความพร้อมของอะไหล่รถยนต์ และคอยประสานงานแจ้งเตือนทั้งทางลูกค้าและโชว์รูม
- Remote Service ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
- Accident Recovery and break down management ปุ่มรูปโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือ
ผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉิน รถเสีย หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
โดยทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำเสนอรถยนต์รุ่น Mercedes-Benz C 300 e ทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ C 300 e Avantgarde และ C 300 e AMG Dynamic”
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ
Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี ที่ให้ พละกำลังสูงถึง 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบ 1,200 – 1,400 ต่อนาที ซึ่งเมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 320 แรงม้าที่ 4,500 – 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดถึง 700 นิวตันเมตร นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 45 กรัม ต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ดีไซน์ภายนอก
ปราดเปรียว เร้าใจ โดยรุ่น C 300 e Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนในรุ่น C 300 e AMG Dynamic จะติดตั้งกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว โดยมีกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling โคมไฟหน้าและหลังได้รับการออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุด
ไฟหน้าแบบ LED High Performance ในรุ่น C 300 e Avantgarde และเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ในรุ่น C 300 e AMG Dynamic พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย
ทั้งนี้ ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติหากระบบตรวจจับได้ว่า ไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถโดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร นอกจากนี้ในรุ่น C 300 e AMG Dynamic ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย
ดีไซน์ภายใน และห้องโดยสาร ถูกออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต และมีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว โดยรุ่น C 300 e Avantgarde จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ในขณะที่ C 300 e AMG Dynamic พวงมาลัยที่มาพร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชัน ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control โดยรุ่น C 300 e Avantgarde ใช้เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO และ C 300 e AMG Dynamic ใช้เบาะหุ้มหนังแบบสปอร์ต และมาพร้อมกับ Memory Seat Package โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบกุญแจแบบ KEYLESS-START ในขณะที่รุ่น C 300 e AMG Dynamic จะมีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย
Mercedes-Benz C 300 e ยังมาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apple CarPlay™ ระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ หรือระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ในรุ่น C 300 e AMG Dynamic เป็นต้น มีระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี
นอกจากนี้ ในรุ่น C 300 e AMG Dynamic ยังได้นำเทคโนโลยี All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic Sporty และ Progressive
ระบบเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย สำหรับตระกูล The C-Class ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้ในรถยนต์ The S-Class อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย
-โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®
-ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS)
-ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
-Hill-Start Assist ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
-ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system)
-ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
-ระบบเตือน เพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator)
-ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
-ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
-ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
-ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport Sport+ และ Comfort
-ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth นอกจากนั้น ยังมีระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera)
-ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะในรุ่น C 300 e AMG Dynamic
-ระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะในรุ่น C 300 e AMG Dynamic และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) ที่มีเฉพาะในรุ่น C 300 e Avantgarde อีกด้วย
Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 111% ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาที หากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น ทำให้การขับเคลื่อนมีความนุ่มนวลและลดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สามารถลดระดับเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณีที่ต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็ว
รุ่น | เครื่องยนต์ | ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/
รอบต่อนาที) |
แรงบิดสูงสุด
(นิวตันเมตร) |
อัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. (วินาที) |
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม./ชม.) |
C 300 e Avantgarde | เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง | 1,991 | 320 /
4,500-5,500 |
700 | 5.4 | 250 |
C 300 e
AMG Dynamic |
เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง | 1,991 | 320 /
4,500-5,500 |
700 | 5.4 | 250 |
- C 300 e Avantgarde รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 2,699,000 บาท
- C 300 e AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 3,215,000 บาท