McLaren เปิดตัว Supercar มาสานต่อตำนานในกลุ่มตระกูล 1 อย่าง F1 และ P1 ด้วยทายาทรุ่นล่าสุดในรหัส McLaren W1 ครองสถิติเป็นรถถนนที่แรงที่สุดเท่าที่ค่ายเคยมีมา การันตีด้วยการทำเวลาต่อรอบสนาม McLaren Senna ที่ค่ายมีไว้ใช้ทดสอบรถยนต์ของตนได้ไวที่สุดในกลุ่มรถถนน โดยเอาชนะแชมป์เก่าไปได้ 3 วินาที สำหรับราคาจำหน่ายในอังกฤษ เริ่มต้นที่ 2,000,000 ปอนด์ (ราว 87,864,000 บาท) จำนวนจำกัดการผลิต 399 คัน และทั้งหมดถูกจับจองไปหมดแล้ว ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้
- ยาว : 4,635 มิลลิเมตร
- กว้าง : 2,191 มิลลิเมตร
- สูง : 1,182 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,680 มิลลิเมตร
McLaren W1 นำเทคโนโลยีเพื่อหลักอากาศพลศาสตร์จากสนามแข่ง F1 มาใช้ สามารถสร้างแรงกดได้สูงสุด 1,000 กิโลกรัม ส่วนโครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Aerocell carbon fibre monocoque รับกับประตูปีกนกแบบ McLaren Anhedral Doors เพื่อการรีดอากาศโดยเฉพาะ ล้อมีขนาด 19 นิ้ว ในด้านหน้า และ 20 นิ้ว ในด้านหลัง รัดด้วยยาง Pirelli P ZEROR หรือ Pirelli P ZERO Trofeo RS ด้านประโชน์ใช้สอยยังมีช่องเก็บของหลังเบาะความจุ 117 ลิตร ซึ่งเข้าถึงได้ด้วยการถอดพนักพิงออก และใหญ่พอที่จะใส่หมวกกันน็อค 2 ใบ
McLaren W1 ออกแบบเบาะมาให้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวถัง เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ผู้ขับขี่เชื่อมต่อเข้ากับรถยนต์ได้ดีที่สุด ทั้งยังให้ทัศนวิสัยที่เหนือกว่า Supercar รุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสนามแข่งหรือบนถนนหลวง ส่วนแป้นเหยียบ พวงมาลัย และหน่วยควบคุมหลัก ล้วนออกแบบมาให้เอื้อกับผู้ขับขี่มากที่สุด ด้านวัสดุตกแต่งสามารถบันดาลได้ตามใจนึก ทั้งยังมีการนำวัสดุ McLaren Innoknit ที่ยืดหยุ่นสูงและน้ำหนักเบามาก มาใช้เป็นครั้งแรกด้วย
ขุมพลังของ McLaren W1 เป็นเครื่องยนต์เบนซินวางกลาง แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พ่วงระบบ Hybrid ทั้งระบบกำลังสูงสุด 1,275 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,340 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DCT 8 จังหวะ พร้อม E-Reverse ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง มีตัวเลขสมรรถนะดังต่อไปนี้
- ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.7 วินาที
- ทำอัตราเร่ง 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.8 วินาที
- ทำอัตราเร่ง 0 – 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 12.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เนื่องจาก McLaren W1 มีระบบ Hybrid จึงมีแบตเตอรี่ขนาด 1.384 kWh มาด้วย ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลสุด 2 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟผ่านสาย EVSE ใช้เวลาชาร์จ 22 นาที จนได้ระดับไฟ 80% น้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,399 กิโลกรัม ระบบเบรกมาพร้อมคาลิปเปอร์ Monobloc ขนาด 6 สูบ พร้อมจานเบรกขนาด 390 มิลลิเมตร ในด้านหน้า และ คาลิปเปอร์ Monobloc ขนาด 4 สูบ พร้อมจานเบรกขนาด 390 มิลลิเมตร ในด้านหลัง พร้อมมอบสมรรถนะเบรกในการลดความเร็วดังนี้
- เบรกจาก 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง จนถึงจุดหยุดนิ่ง ภายในระยะทาง 100 เมตร
- เบรกจาก 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จนถึงจุดหยุดนิ่ง ภายในระยะทาง 29 เมตร
ที่มา: McLaren