Ford Ranger Wildtrak X เคยออกจำหน่ายมาแล้วครั้งหนึ่งที่ออสเตรเลีย ในปี 2023 ในจำนวนจำกัด และขายได้ทั้งหมด ล่าสุด มีการนำรุ่นพิเศษนี้กลับมาอีกครั้งในฐานะรุ่นปี 2025 โดยไม่ได้มีแค่การตกแต่งพิเศษทั้งภายนอกและภายใน แต่ยังมีการยกสูงและขยายระยะห่างล้อสองฝั่งด้วย สำหรับสีตัวถังที่มีให้เลือก ประกอบด้วย สีขาว Arctic White (NCO), สีเงิน Aluminium, สีเทา Meteor Grey, สีดำ Shadow Black รวมถึงสีใหม่อย่างสีน้ำเงิน Blue Lightning และ สีเหลือง Luxe Yellow
Ford Ranger Wildtrak X มาพร้อมไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่เป็นแบบ off-road พร้อมไฟส่องสว่าง LED เสริมด้วยกันกระแทกใต้กันชนหน้าทำจากโลหะ, บันไดข้าง และโลโก้ชื่อรุ่นแบบ 3 มิติ บนประตูคู่หน้าพร้อมฝาท้าย บาร์กระบะหลังเป็นแบบเลื่อนปรับระดับได้ Flexible Rack System ปิดท้ายกับล้อลายเฉพาะรุ่นสีดำ Asphalt Black รัดด้วยยาง General Grabber AT3 all-terrain ขนาด 265/70
ภายในของ Ford Ranger Wildtrak X มาพร้อมมาตรวัดดิจิตอล ขนาด 12.4 นิ้ว ทั้งยังมีแผงควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้าเหนือศีรษะ Auxiliary Switch Bank ทำงานร่วมกับช่องจ่ายกระแสไฟขนาด 400 วัตต์ เครื่องเสียงเป็นแบบ Premium จาก Bang & Olufsen ทั้งยังมีพรมพื้นและกันเตะประตูเฉพาะรุ่น รอบคันยังตกแต่งด้วยวัสดุพิเศษทั้งหนังกลับ Miko, หนังกลับ Terra, เบาะหนัง, ตะเข็บด้ายสีส้ม Cyber Orange และโลหะสีเทา Precision Grey
ขุมพลังของ Ford Ranger Wildtrak X คงเดิมกับ เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังฉุดลากสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ทั้งยังมีระบบช่วยเลี้ยวบนทางขรุขระ Trail Turn Assist, ระบบควบคุมความเร็วต่ำบนทางขรุขระ Trail Control และระบบช่วยปีนป่ายหิน Rock Crawl
โช๊คอัพเปลี่ยนใหม่เป็นของ Bilstein แบบ Position-Sensitive และปรับแต่งแชสซีส์ใหม่ในหลายจุด ส่งผลให้ช่วงล่างยกสูงขึ้นอีก 26 มิลลิเมตร ทั้งยังมีระยะห่างล้อระหว่างสองฝั่งเพิ่มขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร Ford Ranger Wildtrak X จำนวนจำกัดการผลิต 750 คัน และพร้อมออกจำหน่ายแล้วในออสเตรเลีย โดยมีกำหนดการเริ่มส่งมอบในไตรมาสแรกปี 2025 สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่นั่น โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย 77,640 AUD (ราว 1,645,000 บาท)