พบกับ Compact Crossover สัญชาติอิตาลีคันล่าสุดในชื่อ Alfa Romeo Milano มาพร้อมกับมิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4.17 x 1.78 x 1.5 เมตร คงความเป็นรถยนต์อิตาลีเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการออกแบบด้วยการสรรสร้างของศูนยฺ Alfa Romeo Centro Stile ซึ่งตั้งอยู่ใน Turin และการขับขี่ในแบบฉบับที่ขึ้นชี่อ ไม่เพียงแค่นั้น ยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ใช้ขุมพลัง EV พร้อมทางเลือกขุมพลัง Hybrid
Alfa Romeo Milano คงอัตลักษณ์การออกแบบตามแบบฉบับของแบรนด์ ทั้งระยะ overhang สั้น, โป่งล้อกว้าง และดีไซน์ด้านหลังแบบ kamm tail ด้านหน้าแปลกตากับไฟหน้าแบบ Full LED Matrix ที่แบ่งส่วนแต่ละฝั่งออกเป็น 3+3 รับกับกระจังหน้าทรงสามเหลี่ยมคว่ำ หลังคาและกระจกมองข้างตัดสีตัวถังด้วยสีดำ ด้านหลังใช้ไฟท้ายที่เชื่อมต่อหากันตลอดแนว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเหมือนไฟหน้า ปิดท้ายกับล้อใหญ่สุดขนาด 20 นิ้ว
ห้องโดยสารออกแบบให้ทุกปุ่มควบคุม อยู่ในส่วนที่ผู้ขับขี่เอื้อมถึงง่าย ด้านระบบแสดงผลมีมาตรวัด TFT ขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้วเช่นกัน ช่องแอร์ยังเป็นรูปทรงใบไม้ 4 กลีบ (quadrifoglio) เพื่อคงอัตลักษณ์ของแบรนด์ ส่วนลูกเล่นมีระบบเชื่อมต่อ Alfa Connect Services รองรับการอัพเดทแบบ over-the-air ทั้งยังมีระบบผู้ช่วยเสมือนจริง Hey Alfa พร้อมระบบจดจำเสียงทำงานร่วมกับ ChatGPT ปิดท้ายด้วยพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 400 ลิตร
ขุมพลังของ Alfa Romeo Milano มีให้เลือกด้วยกันสองแบบ ดังรายละเอียดโดยสังเขปต่อไปนี้
- Hybrid ผสานเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร เทอร์โบ ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 21 kW ทั้งระบบให้กำลังสูงสุดรวมกัน 136 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DCT 6 จังหวะ ขับเคลื่อนสองล้อหน้า หรือ ขับเคลื่อนสี่ล้อ Ibrida Q4
- ขุมพลัง EV ในรหัส ELETTRICA มีให้เลือกสองระดับความแรง เริ่มต้นที่กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ขับได้ไกลสุดราว 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมทางเลือกรุ่นที่แรงกว่าในรหัส VELOCE พร้อมพละกำลัง 240 แรงม้า
Alfa Romeo Milano คงความเป็นรถยนต์สัญชาติอิตาลี ทั้งเรื่องของน้ำหนักต่ำสุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน และการกระจายน้ำหนัก เสริมด้วยพวงมาลัยตอบสนองเฉียบคม และช่วงล่างแบบ sports ที่ลดความสูงลงอีก 25 มิลลิเมตร มั่นใจทุกการเข้าโค้งด้วยกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนระบบเบรกด้านหน้ามาพร้อมกับจานเบรกขนาด 380 มิลลิเมตร และคาลิปเปอร์เบรกแบบ monobloc ขนาด 4 สูบ
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ มีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติระดับที่ 2 พร้อมทางเลือกให้ติดตั้งเซนเซอร์ 360 องศา และกล้องมองภาพด้านหลัง 180 องศา เพื่อใช้ทำงานร่วมกับระบบถอยจอดกึ่งอัตโนมัติ ลูกค้าที่สนใจ Alfa Romeo Milano สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนกำหนดการเปิดรับคำสั่งซื้อ จะเริ่มขึ้นในช่วงตอนต้นฤดูร้อนของยุโรป หรือราวเดือนมิถุนายน – กันยายนนี้
ที่มา: Alfa Romeo, motor1