GWM (Thailand) เปิดเผยภาพพร้อมข้อมูลของ “ศูนย์ทดสอบความปลอดภัย” หรือ “GWM Safety Lab” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ณ เมืองเป่าติ้ง ประเทศจีน ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 500 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท
สำหรับ ศูนย์ทดสอบความปลอดภัย ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักที่ด้วยเทคโนโยลีและนวัตกรรมล้ำหน้าร่วมกับระบบทดสอบความปลอดภัยขั้นสูงได้แก่
- พื้นที่ทดสอบแบตเตอรี่ในรถยนต์พลังงานใหม่ด้วยระบบ “Firewall” สุดอัจฉริยะ
- กองทัพหุ่นทดสอบการชนเสมือนมนุษย์ มูลค่ากว่า 454 ล้านบาท
- นวัตกรรมในระบบลากทดสอบความเร็วสูง (Towing System) ที่ GWM คิดค้นขึ้นเอง พร้อมสิทธิบัตรระดับชาติ 11 รายการ
แจ็ค เว่ย ผู้ก่อตั้งบริษัท GWM กล่าวว่า การผลิตรถยนต์เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอนที่ไม่มีทางลัด และ ‘ความปลอดภัย’ ต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ” ด้วยแนวคิดนี้ GWM ได้จัดตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัย GWM Safety Lab พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องร่วมกับทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
ในปี 2567 GWM ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาคิดเป็นมูลค่ากว่า 51,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5.2% ของรายได้ทั้งหมด สะท้อนแนวคิดได้อย่างชัดเจนว่า GWM ไม่ได้เพียงแค่ “ผลิตรถยนต์” แต่กำลัง “ปกป้องชีวิต” ผ่านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยยืนหยัดและต่อต้านการลดทอนคุณภาพเพื่อผลประโยชน์ในระยะสั้น และมุ่งสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ที่ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมสามารถไว้วางใจได้ อาทิ GWM WEY 80 รถยนต์ MPV รุ่นเรือธง ที่ออกแบบให้ผู้โดยสารทั้งสามแถวได้รับการปกป้องได้อย่างเท่าเทียม ร่วมกับถุงลมนิรภัยด้านข้างที่สามารถรักษาแรงดันได้นานถึง 6 วินาที เพิ่มโอกาสในการปกป้องทุกชีวิตภายในรถในทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดี
ศูนย์ทดสอบความปลอดภัย GWM Safety Lab นี้ มาพร้อมกับระบบ Five-Zone และ Eight-Track ที่ประกอบด้วยพื้นที่ทดสอบแรงปะทะ 5 โซน และรางดึงขนาดเล็ก 8 เส้นทาง รองรับการทดสอบการชนของรถยนต์ทั้งความเร็วสูงและต่ำสูงสุดถึง 3 ครั้งต่อประเภทในแต่ละวัน และสามารถทดสอบได้มากถึง 1,500 ครั้งต่อปี
นอกจากนี้ ยังสามารถจำลองสถานการณ์การชนที่มีความซับซ้อนได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การชนจากด้านข้างตามมาตรฐานสากล การชนแบบ OMDB (Offset Moving Deformable Barrier) ที่ใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามข้อกำหนดใหม่ในอเมริกาเหนือ รวมถึงการชนจากด้านหน้าในมุมและระดับความเร็วที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีการทดสอบการพลิกคว่ำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การพลิกคว่ำแบบหมุน
การพลิกคว่ำจากการกระแทกขอบถนน การพลิกคว่ำจากการตกหลุมทราย และการตกจากเนินลาด นับว่าเป็นศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ครบครันและสมบูรณ์แบบที่สุด ครอบคลุมทุกสถานการณ์บนท้องถนนอย่างแท้จริง
พื้นที่ทดสอบรถยนต์พลังงานใหม่แห่งอนาคต กับระบบ “Firewall” สุดอัจฉริยะ ควบคุมความปลอดภัยของแบตเตอรี่ขั้นสูงสุด เป็นโซนทดสอบเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยระบบติดตามสภาพแบตเตอรี่หลังการชนแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งระบบดับเพลิงอัจฉริยะที่ตอบสนองทันทีเมื่อพบความผิดปกติ โดยตัวรถจะถูกนำลงบ่อน้ำลึก 1.2 เมตรภายใน 30 วินาที เพื่อระบายความร้อนและลดความเสี่ยงจากแบตเตอรี่ ระบบความปลอดภัยจะทำงานโดยอัตโนมัติทันที ทั้งการปิดประตูกันไฟ เปิดช่องระบายอากาศ เปิดไฟส่องสว่าง และฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมสถานการณ์ นอกจากนี้ ตัวรถยังสามารถส่งข้อมูลได้แม้อยู่ใต้น้ำ ช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อยอดระบบป้องกัน “Firewall” ไปสู่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของ GWM ในอนาคต
กองทัพหุ่นทดสอบเสมือนมนุษย์ มูลค่ากว่า 454 ล้านบาท ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยในทุกการชน โดยหัวใจสำคัญของศูนย์ทดสอบความปลอดภัยแห่งนี้ คือ “กองทัพหุ่นทดสอบ” ที่มีมูลค่ารวมกว่า 454 ล้านบาท โดยประกอบด้วยหุ่นทดสอบสมรรถนะขั้นสูง เช่น Thor Dummy ที่มีมูลค่าสูงกว่า 45 ล้านบาทต่อหน่วย และหุ่น WorldSID ซึ่งใช้สำหรับทดสอบแรงกระแทกจากด้านข้าง โดยมีมูลค่ากว่า 36 ล้านบาทต่อหน่วย หุ่นแต่ละตัวได้รับการออกแบบให้มีลักษณะใกล้เคียงกับสรีระของมนุษย์มากที่สุด ทั้งโครงกระดูก ผิวหนัง และกล้ามเนื้อ พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ภายในจำนวนมาก เพื่อเก็บข้อมูลการทดสอบอย่างละเอียดและแม่นยำ โดยหุ่นเหล่านี้จะถูกถอดประกอบและปรับเทียบใหม่ทุก 5 ครั้งที่ใช้งาน เพื่อคงมาตรฐานสูงสุดด้านความแม่นยำ ปัจจุบัน GWM มีหุ่นทดสอบทั้งหมด 34 ตัว ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ทีมผู้พิทักษ์ชีวิต” ที่มีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาระบบความปลอดภัยจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ นวัตกรรมที่ GWM คิดค้นเอง พร้อมสิทธิบัตรระดับชาติ 11 รายการ คือ ระบบลากทดสอบความเร็วสูง (Towing System) ภายใน GWM Safety Lab นี้ เป็นผลงานการพัฒนาของทีมวิจัย GWM โดยเฉพาะ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้รับการจดสิทธิบัตรในระดับประเทศแล้วถึง 11 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการควบคุมระบบแบบครบวงจร อีกหนึ่งไฮไลต์ของศูนย์ฯ คือพื้นที่โซนตรงกลางที่ติดตั้งบ่อกระจกนิรภัยหนาพิเศษขนาด 110 มิลลิเมตร พร้อมกล้องความเร็วสูง เพื่อบันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงใต้ท้องรถขณะเกิดการชนได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบการเสียรูปของโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ นับว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
GWM ไม่เพียงแค่มุ่งสู่การเป็นผู้นำแบรนด์รถยนต์ระดับโลก แต่ยังเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างอนาคตแห่งการขับขี่ที่ปลอดภัย อัจฉริยะ และยั่งยืน ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับแนวหน้าที่ให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นศูนย์กลาง พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางแห่งอนาคตที่ครบครัน