ดูคาติ ประเทศไทย (Ducati Thailand) เปิดตัวรถจักรยานยนต์พร้อมกัน 3 รุ่นใหม่ ได้แก่ Streetfighter V2S, Streetfighter V4S พร้อมการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกภายหลังการเปลี่ยนผ่านผู้แทนจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) สู่ AAS Auto Services
นายกรภัค มิกานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ AAS Auto Services (Motorcycle) เปิดเผยว่า ดูคาติ ประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 3 รุ่นลงสู่ตลาด ได้แก่ Streetfighter V2S, Streetfighter V4S และรุ่นขายดีที่สุดของโลกอย่าง Multistrada V4S โดยทั้ง 3 รุ่นผ่านการพัฒนาทั้งในด้านรูปลักษณ์และเทคโนโลยี ซึ่งถ่ายทอดมาจากสนามแข่งโดยมี Panigale V4 เป็นต้นแบบ ทำให้ยังคงคอนเซ็ปต์อิตาเลียนดีไซน์ พร้อมเทคโนโลยีและสมรรถนะขั้นสูง ที่ถ่ายทอด DNA สปอร์ตจากสนามแข่ง เพื่อให้ไบค์เกอร์ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบฉบับดูคาติ
Ducati Streetfighter V2 MY2025 รถจักรยานยนต์ในกลุ่ม Sport-Naked มาพร้อมเครื่องยนต์ V2 ขนาด 890 ซีซี. ใหม่ ที่พัฒนาให้มีน้ำหนักเบาเพียง 54.4 กก. ซึ่งนับเป็น V2 ที่เบาที่สุดของ Ducati เท่าที่เคยผลิตมา ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ส่วนดีไซน์ถอดแบบมาจาก Panigale V2 ด้วยเฟรมแบบโมโนค็อกที่มีน้ำหนักเบาลง 18 กก. ดีไซน์ไฟหน้า LED ใหม่ พร้อม Daytime Running Light (DRL) ส่วนด้านท้ายได้รับแรงบันดาลใจจาก DesmosediciGP และ สวิงอาร์มคู่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Panigale V4 และมีการออกแบบท่านั่งแบบ Aggressive Ergonomics เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มีท่านั่งที่ผ่อนคลายและควบคุมรถได้ง่ายขึ้น อีกทั้งมีการติดตั้งระบบกันสะเทือน Öhlins เฉพาะในรุ่น S ที่ปรับปรุงให้มีการตอบสนองที่ดีขึ้น ด้านระบบเบรก Streetfighter V2 MY2025 มาพร้อมคาลิเปอร์ Brembo M50 จานดิสคู่ด้านหน้าขนาด 320 มม. และดิสหลังขนาด 245 มม. พร้อมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้ำสมัย อาทิ Ducati Power Launch, Pit Limiter ฟังก์ชั่นจำกัดความเร็วในพิทเลนเมื่อใช้ในสนามแข่ง และ Ducati Quick Shift 2.0 รุ่นใหม่ที่มีการตอบสนองดีขึ้น ติดตั้งให้มาเป็นมาตรฐานในรุ่น S รวมถึงหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว
Ducati Streetfighter V4 MY2025 มาพร้อมเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 ขนาด 1,103 ซีซี. ที่ได้รับการพัฒนาให้ผ่านมาตรฐาน Euro 5+ ให้กำลังสูงสุด 214 แรงม้า โดยน้ำหนักตัวรถลดลงเหลือ 189 กก. (รุ่น S) ส่งผลให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดียิ่งขึ้น โดยระบบระบบอิเล็กทรอนิกที่ได้รับการถ่ายทอดมา Panigale V4 ซึ่งรวมไปถึงระบบกันสะเทือนไฟฟ้า Öhlins และระบบ Ducati Electronic Suspension (DES) 3.0 ที่มีความสามารถในการปรับตั้งค่าอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่แบบเรียลไทม์ (event-based mode) นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้ สวิงอาร์มคู่ (Double-sided swingarm) ที่พัฒนาโดยแผนก Ducati Corse ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของตัวรถเมื่อใช้ความเร็วสูงในสนามแข่ง ด้านระบบเบรกได้รับการอัพเกรดมาใช้คาลิปเปอร์ Brembo Monobloc Hypure® รุ่นใหม่ล่าสุดคู่กับจานเบรกขนาด 330 มม. เพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำยิ่งขึ้น มาพร้อมระบบเบรกแบบ Race eCBS ที่ช่วยเบรกหลังอัตโนมัติเมื่อเบรกหน้าหนัก โดยถูกปรับแต่งมาให้เหมาะกับการขับขี่ทั้งถนนและสนามโดยสัมพันธ์กับ ABS Configuration ที่สามารถทำได้ถึง 5 ระดับ พร้อมกับหน้าจอ TFT ขนาด 6.9 นิ้ว ที่สามารถเลือกการแสดงผลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การอัพเกรดหน้าจอแสดงผลในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และตัวรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่บนท้องถนนหรือในสนามแข่งขันก็ตาม และยังมีระบบ Coming Home และ Ducati Brake Light (DBL) ฟังก็ชั่นที่เปิดไฟต่ำไว้ชั่วขณะหลังดับกุญแจเพื่อให้มองเห็นสิ่งรอบข้างก่อนเดินออกไปจากรถ
Ducati Multistrada V4 MY2025 มีการพัฒนาที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทั้งด้านเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพ โดยมาพร้อมดีไซน์ไฟหน้า LED แบบใหม่ ที่มาพร้อมการปรับองศาไฟหน้าเพิ่มความสว่างบริเวณล้อหน้า กระจกบังลมแบบใหม่ที่สามารถปรับระดับได้ ช่วยลดแรงลมกระแทกผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเครื่องยนต์ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐาน Euro 5+ รวมถึงได้มีการพัฒนาให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Rear Bank Extended Deactivation ที่สามารถปิดการทำงานของกระบอกสูบหลังได้ขณะขับขี่ ไม่เพียงเฉพาะตอนหยุดนิ่งเหมือนรุ่นก่อน เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อีกทั้งปรับตำแหน่งฐานยึดกล่องสัมภาระด้านข้างและด้านบนให้เยื้องไปทางด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ผู้โดยสาร ส่วนช่วงล่างได้รับการปรับใหม่เพื่อความมั่นคงและเพิ่มความแม่นยำในการควบคุม จุดหมุนสวิงอาร์มยกสูงขึ้น 1 มม. เพิ่มประสิทธิภาพ anti-squat effect พร้อมโช้กหลังปรับละเอียดกว่าเดิมและจานเบรกหลังขนาด 280 มม. และระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Multistrada V4 MY2025 มาพร้อมระบบDucati Skyhook Suspension EVO (DSS EVO) รุ่นใหม่ที่มีเซนเซอร์บนโช้คหน้าแบบใหม่ ทำงานร่วมกับระบบ Bump Detection เพื่อคาดการณ์และปรับการตอบสนองของโช้คหลังได้แบบอัตโนมัติในเสี้ยววินาที เพิ่มความนุ่มนวลและเสถียรในทุกพื้นผิวถนน นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบ Automatic Lowering Device ที่ลดความสูงของตัวรถอัตโนมัติสูงสุด 15-30 มม. เมื่อความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถแตะพื้นได้มั่นใจมากขึ้น และยังได้เพิ่มโหมดการขับขี่ Wet สำหรับสภาพถนนลื่นหรือฝนตก และปรับปรุงโหมด Enduro ให้เหมาะกับเส้นทางออฟโรดให้ดียิ่งขึ้น
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยมีดังนี้
- Streetfighter V2 ราคา 679,000 บาท
- Streetfighter V2S ราคา 759,000 บาท
- Streetfighter V4 ราคา 1,099,000 บาท
- Streetfighter V4S ราคา 1,239,000 บาท
- Multistrada V4 ราคา 1,099,000 บาท
- Multistrada V4S ราคา 1,299,000 บาท
อย่างไรก็ตาม มาพร้อม แคมเปญ Triple Crown Celebration ฉลองความสำเร็จของ ดูคาติ เพิ่มการรับประกันตัวรถ (Warranty) เป็น 4 ปี พร้อมฟรีเซอร์วิสนาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมเงื่อนไขพิเศษ เฉพาะลูกค้าที่จองและรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568
 เปิดตัวรถจักรยานยนต์พร้อมกัน 3 รุ่นใหม่ ได้แก่ Streetfighter V2S, Streetfighter V4S){kind=link}