นาย เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนรวม บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และ มินิ (MINI) ในปี 2567 อยู่ที่ 13,659 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมี่ยมที่ 39.9% แบ่งเป็น บีเอ็มดับเบิลยู 12,208 คัน ลดลง 13.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ มินิ อยู่ที่ 1,451 คัน เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ ด้านรถจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด (BMW Motorrad) มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,011 คัน ลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมได้ 5 ปีซ้อน สานต่ออีกหนึ่งบทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของ”
ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567 โดยเฉพาะภาพรวมยอดจดทะเบียนในตลาดรถพรีเมี่ยมที่ลดลง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งบริษัทสามารถมียอดจดทะเบียนรวมเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์ของไทยจะต้องใช้เวลา อีกไม่น้อยในการฟื้นตัวท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่เราก็ยังมองเห็นปัจจัยบวกจากแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่ยังคงชัดเจนในหลายด้าน โดยเฉพาะยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่งในกลุ่มดีงกล่าว บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า
สำหรับในปี 2568 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีแผนงานอย่างครบวงจรเพื่อนำนวัตกรรมล่าสุดและประสบการณ์ที่หลากหลายและแตกต่างมาให้ลูกค้าในประเทศไทยได้สัมผัส ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ทั้ง 3 แบรนด์แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศตลอดทั้งปีภายใต้แนวคิด ‘Retail Next’ ซึ่งเน้นการผสมผสานประสบการณ์ดิจิทัลและไลฟ์สไตล์ไว้ในพื้นที่โชว์รูม อย่างต่อเนื่อง