รู้หรือไม่! ที่มาของชื่อ “HILUX” ที่ โตโยต้า (TOYOTA) ใช้เป็นชื่อรุ่นของรถกระบะมาอย่างอย่างยาวนานมาจากคำว่า High + Luxury ซึ่งมีความหมายถึง จุดที่ความแข็งแกร่งและความหรูหรามาบรรจบกัน โดยยุคเริ่มต้นของกระบะไฮลักซ์ในประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Toyota Hilux TRAVO-e กระบะไฟฟ้า100% ราคาอย่างเป็นทางการ : 1,491,000 บาท (ผลิตไทย) | แบต 59.2 kWh
พ.ศ. 2512-2515
ไฮลักซ์ อาร์เอ็น10 (HILUX RN10) คือ รถกระบะฐานล้อสั้นรุ่นแรกของโตโยต้า ถูกนำเข้าทั้งคันจากญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 77 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 130 กม./ชม. รองรับการใช้งานทั้งการขนส่งสินค้าและการเกษตร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ TOYOTA HILUX เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทย ซึ่งในยุคนั้นคือยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ ถนน, ไฟฟ้า, ประปา แต่เศรษฐกิจไทยยังคงมีรากฐานมาจากภาคการเกษตรเป็นหลัก โดยเวลานั้นผู้ใช้รถกระบะยังเป็นกลุ่มเฉพาะทางส่วนใหญ่คือ หน่วยงานราชการ, ผู้รับเหมา และคนมีฐานะในต่างจังหวัด ซึ่งรถกระบะเป็นเครื่องมือเพื่อการทำงานมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล
พ.ศ. 2515 – 2522
ไฮลักซ์ อาร์เอ็น20 (HILUX RN20) รถกระบรุ่นที่ 2 ของโตโยต้า ที่ยุคนั้นยังคงอยู่ในยุคที่ประเทศไทยมุ่งลดความยากจนในชนบทส่งเสริมการเกษตรหลากหลายและการเปลี่ยนผ่านสู้เศรษฐกิจอุสาหกรรม โดยในช่วงปี พ.ศ. 2515 เกิดกระแสต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในไทย เนื่องจากปัญหาขาดดุลการค้า และตามมาด้วยวิกฤตน้ำมันโลกในปี พ.ศ. 2516 ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 4 เท่าภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลเริ่มเป็นที่นิยมเนื่องจากประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ส่วนในปี พ.ศ. 2518 รัฐบาลไทยต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จึงได้เน้นย้ำนโยบายส่งเสริมการผลิตในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีดังกล่าวได้มีการเริ่มประกอบ โตโยต้า ไฮลักซ์ ในประเทศไทย และมีการดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมาตั้งฐานการผลิตในไทย
พ.ศ. 2522 – 2526
ไฮลักซ์ อาร์เอ็น30 (HILUX RN30) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ ไฮลักซ์ ซูเปอร์สตาร์ – ม้ากระโดด ที่มีการปรับดีไซน์ภาพลักษณ์ให้มีความแข็งแกร่งตอบรับกระแสนิยมเครื่องยนต์ดีเซล ต่อมาในช่วงปลายปี 2522 โตโยต้า ได้แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรกใน ไฮลักซ์ โดยเป็นเครื่องยนต์ตระกูล L มีขนาดความจุ 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุดประมาน 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร และยังมีการเพิ่มทางเลือกของระบบขับเคลื่อนโดยแนะนำรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2526 – 2533
โตโยต้า ไฮลักซ์ ฮีโร่ (HILUX HERO) โดย โตโยต้า ได้แนะนำรุ่นตัวถัง Extra Cab เป็นครั้งแรกในช่วงปลายเจนเนอเรชั่นนี้ และ โตโยต้า ได้ขานรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่รัฐบาลส่งเสริมการผลิตเครื่องยนต์ภายในประเทศ ซึ่ง โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ร่วมทุนกับ ปูนซิเมนต์ไทย ก่อตั้งบริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม เพื่อผลิตเครื่องยนต์ภายในประเทศและส่งออก
พ.ศ. 2533 – 2541
โตโยต้า ไฮลักซ์ ไมตี้–เอ็กซ์ (HILUX MIGHTY-X) ในช่วงเวลาดังกล่าวเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดเกิดความพยายามมุ่งสู่การเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย ซึ่งรถกระบะมีความสำคัญต่อธุรกิจขนาดเล็ก, การค้า และการขนส่ง ซึ่งคนไทยจำนวนมากเริ่มมีรถส่วนตัว และไฮลักซ์ ได้กลายมาเป็นรถคันแรกของหลายครอบครัว และรุ่นตัวถัง Extra Cab ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง และในปี 2535 โตโยต้า ได้เริ่มส่งออก ไฮลักซ์ ไมตี้–เอ็กซ์ เป็นครั้งแรกเริ่มจากตลาดอาเซียน (ลาว, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา) ซึ่งโรงงานโตโยต้าได้เริ่มกลายเป็นศูนย์การผลิตรถกระบะ
พ.ศ. 2541 – 2547
โตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ (HILUX TIGER) จากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งในปี 2540 ซึ่งเศรษฐกิจถดถอย โตโยต้ายัง ปรับผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ด้วยการแนะนำ ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ในปี 2541 โดยออกแบบตัวถังขนาดใหญ่ขึ้นและใช้โครงสร้างนิรภัย GOA และเป็นมาตรฐานใหม่ของรถกระบะไทย รวมถึงได้มีการเปิดตัวรุ่น Prerunner (ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง) ที่เหมาะกับเทรนด์รถกระบะแนวไลฟ์สไตล์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนรถกระบะจาก รถใช้งาน เป็น รถใช้ได้ในทุกโอกาส และ เป็นครั้งแรกในไทยกับเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ซึ่ง ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ได้แนะนำเครื่องยนต์ D-4D เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2547 – 2558
โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ (HILUX VIGO) ซึ่งรถกระบะดุ่นดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างสูงเป้นประวัติการณ์ทำลายสถิติการขายในประเทศไทยด้วยยอดขายเฉลี่ยนมากกว่า 15,000 คัน/เดือน ใน 4 เดือนแรกที่เปิดตัว (กันยายน–ธันวาคม 2547) และในปี 2550 โตโยต้า ได้ก่อตั้งโรงงานบ้านโพธิ์เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตของไฮลักซ์และ IMV ทำให้ยอดการส่งออกรวม 1 ล้านคัน ในปี 2553 และ 2.4 ล้านคัน ในปี 2555 และ โตโยต้าได้แนะนำรุ่นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คือ TRD Sportivo ในปี 2555 และ 2557 พร้อมทั้งได้พัฒนาและติดตั้งระบบเชื้อเพลิงแบบ Bi-Fuel ในรุ่น Hilux CNG โดย ไฮลักซ์ วีโก้ ถือเป็นรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่มียอดขายรวมในประเทศ 1.65 ล้านคัน
พ.ศ. 2558 – 2568
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (HILUX REVO) โดยในปี 2560 โครงการ IMV มียอดส่งออกรวม 3 ล้านคัน และเป้นครั้งแรกที่ ไฮลักซ์ผลิตในไทยและเริ่มส่งออกกลับไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น และ ในปี 2565 มียอดส่งออกรวม 4 ล้านคัน และในปี 2563 ได้แนะนำรุ่น Z-Edition สำหรับคนรุ่นใหม่และสายแต่ง ต่อมาในปี 2565 โตโยต้าได้เปิดตัว GR Sport ครั้งแรกในตระกูลไฮลักซ์ และ ปี 2567 โตโยต้าได้แนะนำ Flagship Model ใหม่ Hilux Revo GR Sport Wide Tread ดีไซน์ Rally-Inspired












