กระแสข่าวการเปิดตัวในประเทศไทยของแบรนด์รถยนต์ชื่อดังระดับพรีเมี่ยมที่ถูกขนานนามว่าเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีของประเทศจีนอย่าง HONGQI (หงฉี) ได้รับการกล่าวถึงมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังไม่ได้รับการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
กระทั่งถึงวันนี้ Autolifethailand ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าแบรนด์ หงฉี เตรียมบุกตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2569 พร้อมได้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้บริหารที่ดูแลตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง “หวัง เฉิงเจี๋ย” (Wang Chenngjine) HONGQI Overseas Chief Marketing Officer, President of Latin America, Southeast Asia and RHD Markets บริษัท China FAW Group Import And Export จำกัด ถึงแผนธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย
สำหรับ “หวัง เฉิงเจี๋ย” ดำรงตำแหน่งในประธานบริษัทรับผิดชอบดูแลตลาดตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาของ หงฉี
หวัง เฉิงเจี๋ย เปิดเผยกับ Autolifethailand ว่า ปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งผู้บริหารพร้อมทีมงานประจำประเทศไทยเพื่อประสานงานกับบริษัทแม่ที่ประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมความพร้อมในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดยคาดว่าจะใช้เงินทุนจดทะเบียน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 330 ล้านบาท) ในช่วงปลายปี 2568 จากนั้นจะเปิดตัวแบรนด์ หงฉี อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 1/2569
ทั้งนี้ การเข้ามาทำตลาดภายใต้บริษัท China FAW Group ซึ่งจะนำแบรนด์ต่าง ๆ ภายใต้บริษัทดังกล่าวในระดับโลกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยจะเปิดตัวด้วยแบรนด์ หงฉี เป็นอันดับแรก และจากนั้นจะนำแบรนด์ เบสจูน (Bestune) เข้ามาเปิดตัวในลำดับถัดไปภายในปีเดียวกัน
“HONGQI จะเป็นนามบัตรใบแรกในการเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นในการสร้างความเชื่อมั่นและการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ด้วยการมอบคุณภาพผลิตภัณฑ์และการบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม”
ขณะที่ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายในปี 2569 จะเปิดตัว 2 โมเดล ได้แก่ HONGQI E-HS9 Full-Size SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ราคาคาดการณ์อยู่ที่ 4 ล้านบาท, HONGQI E-QM5 Mid-Size Sedan พลังงานไฟฟ้า 100% รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณานำรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับตลาดเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย โดยจะใช้งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 47 หรือ มอเตอร์โชว์ 2026 (Bangkok International Motor Show 2026) ในการเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายของบริษัทจะใช้กลยุทธ์ในการแยกการบริหารจัดการออกจากกันอย่างสิ้นเชิงเพื่อป้องกันผู้บริโภคสับสนในการทำแบรนด์ โดยวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ หงฉี อยู่ในระดับพรีเมี่ยม–อัลตร้าลักชัวรี่ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีระดับสูงขึ้นไปอีกจากรุ่นที่เปิดตัวในช้วงต้น ส่วน Bestune จะเป็นแบรนด์รถยนต์ส่วนบุคคลที่เข้าถึงผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีและพลังงานที่หลากหลายอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์ใดภายใต้บริษัทมาทำตลาด
สำหรับ แผนการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ในปี 2569 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมีแผนขยายดีลเลอร์จำนวน 15-20 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมคาดว่าเป้าหมายยอดขายในปีแรกอาจจะไม่ได้เน้นปริมาณเท่าไรนักเนื่องจากอยู่ในตำแหน่งพรีเมี่ยมและเป็นปีแห่งการวางรากฐานของแบรนด์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Hongqi Guoya เตรียมบุกตลาดโลก พร้อมขุมพลัง 3.0T Hybrid และ 4.0T PHEV
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อื่น ๆ อาทิ ปลั๊กอินไฮบริด ลงสู่ตลาดในประเทศไทยภายในปี 2570 รวมถึงการลงทุนโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย และมีแผนการลงทุนก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยภายในปี 2570 เป็นต้นไป ซึ่งมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
หวัง เฉิงเจี๋ย กล่าวต่อว่า แผนการเปิดตัวแบรนด์และตั้งโรงงานในประเทศไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขยายตลาดออกสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเปิดตัวแบรนด์พร้อมกันในหลายประเทศได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา หวัง เฉิงเจี๋ย ได้เข้าพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อคาราวะและแสดงความสนใจในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยและเชื่อว่าไทยมีห่วงโซ่อุปทานที่ดีที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะการกระจายสินค้า โดยบริษัทพร้อมให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ระบุว่ารัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุน พร้อมหวังว่าบริษัทจะร่วมมือกับภาคธุรกิจไทยในการพัฒนาและเสริมสร้างระบบนิเวศในท้องถิ่น เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ