ลั่นกลองรบแล้ว สำหรับ MG Sales Thailamd กับการประกาศเปิดตัว All New MG5 หรือ MG5 โฉมใหม่ ในวันที่ 20 กรกฏาคมนี้ ผ่านทางช่องทาง online ทั้งหลายในเวลา 19.00 น. Official Facebook Page : MG Thailandแต่ก่อนถึงวันเปิดตัว พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ autolifethailand.tv ขอพาแฟนๆ มาเดินชมรอบคันรถคันนี้กันก่อนว่าเป็นอย่างไร
ที่ผ่านมา เราเห็นรูปโฉม MG5 โฉมใหม่ จากในสื่อต่างๆ ในต่างประเทศ เห็นแว่บแรก ก็ต้องยอมรับกันตรงๆว่า “สวยว่ะ” ดูดีใช้ได้เลยจริงๆ ต่างจาก MG5 โฉมเดิมไม่น้อย แถมขนาดของ MG5 โฉมใหม่ ก็ได้เปรียบรถในระดับเดียวกัน หรือรถในกลุ่ม B-segment บ้านเรา ที่นิยมนำเข้าไปอยู่ในกลุ่มรถ อีโค-คาร์ เพื่อให้ได้สิทธิพิเศษทางภาษี ให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง “แต่” ราคาขายไม่ได้ต่ำลงตามฐานภาษีที่ได้รับเท่าไหร่นัก
และเมื่อ MG ประเทศไทย ประกาศว่าจะประกอบ All New MG5 เพื่อมาแข่งขันกับรถในกลุ่มนี้ ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น เพราะในปัจจุบันนี้ MG คือค่ายรถยนต์ที่ให้ option ภายในรถมากที่สุดค่ายหนึ่งในบ้านเรา ซึ่งนั่นหมายความว่า “ลูกค้า” จะมีทางเลือกในการซื้อรถยนต์มากขึ้น ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ค่ายญี่ปุ่นเจ้าตลาดเพียงไม่กี่เจ้า
ยิ่งเมื่อได้เดินมาชมตัวจริงของ All New MG5 ก็ต้องปรบมือให้กับ MG Sales Thailand ที่ “ทำการบ้าน” มาดีเหลือเกินกับรถรุ่นนี้ เรามาดูกันเลยครับว่า All New MG5 นั้นมีอะไรบ้าง จะมีดีพอที่จะแย่งแชร์กับรถอีโคคาร์ ในบ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน ตามมาดูกันเลยครับ
มาดูกันที่ขุมพลังก่อน ขุมพลังของ MG5 โฉมใหม่ ยังคงใช้เครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ใช้กับ MG ZS นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด พร้อมระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION
เฮ้อ…..น่าเสียดายเหลือเกินที่ บ้านเราไม่มีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ เกียร์ไฟฟ้า เหมือนกับในต่างประเทศ ถ้ามีรุ่นนี้มาขายบ้างละก็ ผมว่า “มีลุ้น” ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ต้องมองในเรื่องของราคาค่าตัวด้วย เพราะ MG5 โฉมใหม่ นั้นไม่ได้ตั้งราคาขายไว้สูงมากนัก ดังนั้นการนำเครื่องยนต์เทอร์โบ มาจำหน่ายจะทำให้ราคาขายของ MG5 โฉมใหม่ “ไปไกล” กว่าที่ตั้งไว้
“ALL NEW MG5” นั้น MG บอกว่าถูกออกแบบมาให้เป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่มาพร้อมนิยาม “BORN TO BE BEYOND : คิดให้เหนือกว่า เพื่อทุกความเป็นคุณ” ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีความเหนือกว่าในทุกด้านด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ซึ่งให้ความเหนือชั้นกว่าทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) เพื่อให้เป็นยนตรกรรมที่มี ความสปอร์ต ที่มาพร้อมความสะดวกสบายตอบทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
นั่นคือคำนิยามที่ MG ให้ไว้กับรถรุ่นนี้ และถ้าเป็นมุมมองของเราละเป็นอย่างไร แว่บแรก บอกเลยว่า สวย และเมื่อมองลึกลงไป ละเอียดมากขึ้น ก็ต้องบอกว่า รถรุ่นนี้ได้รับ “แรงบันดาลใจ” มาจากหลากหลายยี่ห้อเหลือเกิน แต่รวมๆ แล้ว “มันสวย” รูปทรงคูเป้ ซีดาน
- มิติตัวถัง 4,675 x 1,842 x 1,480 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร
- กระจังหน้า 3 มิติ Digital Burning Grille
- ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติแบบ LED Projector
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ Leopard Claw และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใบพัด 5 ก้าน
เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร “โคตรใหญ่” มีการออกแบบในสไตล์สปอร์ตแต่ยังมีจุดเด่นในเรื่องความกว้างของพื้นที่ห้องโดยสารและมีพื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) ที่สูงโปร่ง พร้อมหลังคาซันรูฟ ดีไซน์ภายในดูสปอร์ต ไม่ขี้เหร่ ไปวัดไปวา แถมไปห้างกันได้เลย
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- แผงคอนโซล 3D Diamond Design ลวดลายสปอร์ตพรีเมี่ยม
- หลังคา Sunroof
- หน้าจอ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- กระจกมองหลังแบบตัดแสง
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ลำโพง 6 จุด
- รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
- ระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ดีไซน์คอนโซลกลางแบบ DRIVER-FOCUS COCKPIT ที่เหมาะสมกับตำแหน่งคนขับ
- หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ
- ระบบพวงมาลัย Rack and Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
นอกจากนี้ MG 5 โฉมใหม่ ยังมาพร้อม option ด้านความปลอดภัยต่างๆ ดังนี้
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold)
- ระบบระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เ
- ข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
แถมยังติดตั้งระบบ i–SMART มาให้ด้วย ถึงแม้ว่าจะสั่งงานกันแบบงงๆ แต่ก็เยี่ยมที่มีมาให้ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Digital Key สามารถใช้งานรถผ่านกุญแจดิจิตอลโดยรับ – ส่ง โค้ดจากแอพพลิเคชัน i-SMART สามารถสั่งการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถยนต์ รวมถึงการส่งกุญแจดิจิตอลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่น i-SMART ได้อีกด้วย
Smart Command หรือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
- กุญแจดิจิตอล
- ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย
- ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
- ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทางTravel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้
- โทรออก – รับสายจากจอทัชสกรีน
- สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย
Smart Connect หรือ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
- เล่นเพลงทั้งรูปแบบออนไลน์ และสตรีมมิ่ง
- ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวบนแผนที่นำทาง
- รายงานการจราจรแบบ Real Time
- เรียกดูข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลพยากรณ์สภาพอากาศ
- อัพเกรดระบบต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)
Smart Check หรือ ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
- ตรวจสอบสถานะของประตูรถ
- ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชั่น FIND MY CAR
โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตรผ่านการตั้งค่า - ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย
- ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
- กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า – ออก ในขอบเขตที่กำหนดไว้
* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
ทั้งนี้ ALL NEW MG5 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็น รุ่น C รุ่น D และรุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีเหลือง (Nuclear Yellow) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเงิน (Silver Metallic) สีแดง (Scarlet Red) และสีเทา (Metal Ash Grey)
ส่วนราคาค่าตัวคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 5.5 แสนบาท สำหรับรุ่น C และไปจบที่เกือบๆ 7 แสนบาท