หากจะพูดถึงรถในกลุ่ม PPV หรือรถกระบะดัดแปลงในบ้านเรา ผมเชื่อว่าชื่อของ “Nissan Terra” ไม่ได้ติดอยู่ในความคิดของใครหลายๆคน แน่นอนว่าด้วยรูปร่างหน้าตา ชื่อชั้นของแบรนด์ ที่ทำให้ Nissan Terra ไม่ใช่ทางเลือกต้นๆ ของลูกค้าที่กำลังมองหารถในกลุ่มนี้อยู่
แต่มาในวันนี้นิสสันประเทศไทยได้เปิดตัว Nissan Terra ใหม่ ออกมาสู่ตลาดรถยนต์เมืองไทย เพื่อมมาแข่งขันในตลาดรถ PPV บ้านเราได้ดีไม่น้อยทีเดียว
มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย ได้บอกกับ autolifethailand.tv หลังจากการลองขับ Nissan Terra ใหม่ว่า รถรุ่นนี้ เป็นรถรุ่นที่นิสสัน “ฟัง” ความต้องการของลูกค้า ว่าต้องการอะไรจาก รถครอบครัวคันนี้ ซึ่ง ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนา จากเสียงของลูกค้าที่สะท้อนมาให้เรา และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างให้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมา
ซึ่งเมื่อเห็นและลองขับ Nissan Terra ใหม่ ก็ต้องบอกว่า นิสสัน “ฟัง” ลูกค้าจริงๆ ทั้งหน้าตา และ option ที่ถูกใส่เข้ามาถือว่าลงตัวไม่น้อยทีเดียว
และถือเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยที่เบอร์1 ของนิสสัน ประเทศไทย พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างให้ดีมากขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ จากการฟังเสียงของลูกค้า
Nissan Terra ใหม่ นี้ต้องบอกว่าเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์นะครับ ไม่ใช่ New Model แต่เป็นบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ เพราะเปลี่ยนแปลงมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่หน้าตาภายนอก ภายใน option ที่พัฒนาให้ดีขึ้น จากรุ่นเดิมไม่น้อยทีเดียว
แต่สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคือเครื่องยนต์และช่วงล่าง!! หน้าตาของ Nissan Terra ใหม่นั้น หล่อเหลาเอาการไม่น้อย จากกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Quad EYE LED รูปตัวซีอันเป็นเอกลักษณ์ 4 ดวง ที่ให้ความสว่างมากขึ้นกว่าไฟหน้ารุ่นเดิมถึง 34% ดูแล้วนอกจากจะทันสมัยมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นอีกด้วย ขณะที่ด้านท้ายก็มาพร้อมไฟท้าย LED รูปทรงทันสมัยมากขึ้น
ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบหน้าตาของเจ้า Nissan Terra ใหม่ นี้ไม่น้อยเลย ผมว่าดูดุขึ้น ทันสมัยขึ้นมากเลยทีเดียว ไม่เหมือน Terra รุ่นก่อนหน้านี้
เอาว่าภายนอกของ Nissan Terra ใหม่ ดูดีพอที่จะแข่งกับเพื่อนๆ ในตลาดรถ PPV บ้านเราได้อย่างสบายๆ ไม่ดูเชยๆ เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้แล้ว
แถมมาในครั้งนี้่ Nissan Terra ใหม่ ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับรถแบรนด์นิสสัน จึงได้เพิ่ม option ใหม่ๆ เข้ามาไม่น้อย ทั้งในเรื่องของระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มรอบคัน 360 องศา และระบบอินโฟเทนเมนต์ทั้งหลาย ที่บอกได้เลยว่า “ใช้งานได้จริง” โดยเฉพาะจอทัชสกรีนขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณโดยไม่ต้องเสียบสายอีกแล้ว หรือที่เรียกว่าการเชื่อมต่อแบบ Wireless ถือว่าเป็น PPV รุ่นแรกที่มีระบบนี้ ซึ่งบอกเลยว่า มันเวิร์คมากสำหรับการใช้งาน แค่วางโทรศัพท์ที่แท่นชาร์จ หน้าจอเครื่องเสียงก็เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเราได้แล้ว
และที่สำคัญ ไม่ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณจะเป็นระบบใด ก็ไม่ต้องกังวล เพราะหน้าจอของ Nissan Terra ใหม่นั้นสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple Carplay และ Android Auto เฉียบ….มากในจุดนี้ ถือว่าเป็น option ที่ใช้งานได้จริง
ซึ่งNissan Terra ใหม่ ที่เรานำมาลองขับนั้นเป็นรุ่นท็อปสุดก็คือ รุ่น 2.3 VL 4WD 7AT ที่มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,499,000 บาท เท่านั้น ถือว่าเป็นรถ PPV ที่มีราคาสมเหตุสมผลมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ในตลาดรถยนต์เมืองไทย
และในเรื่องราคาของ Nissan Terra ใหม่ ก็ต้องบอกว่า นิสสัน “ฟังเสียงลูกค้า” เหมือนกัน โดยดูจากราคาเปิดตัวที่ 1,199,000 บาท สำหรับรุ่น 2.3 E 2WD 7AT ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น และ 1,449,000 บาท สำหรับรุ่น 2.3 VL 2WD 7AT และ 1,499,000 บาท สำหรับรุ่นท็อป
เมื่อไล่ดูตารางราคาในระดับนี้ก็ต้องบอกว่าเฉียบขาดไม่น้อยเพราะราคา 1.199 ล้านบาทในรุ่นเริ่มต้น ถือว่า “ท้ารบ” ได้หมดในตลาดรถ PPV วันนี้ แถมรุ่นท็อปที่ราคาไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ยิ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับ option ที่ได้ อย่างกล้องมองรอบคัน ประตูฝาท้ายไฟฟ้า ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ฯลฯ
นั่นคือการประกาศท้ารบของนิสสันในวันนี้!!
เอ้า…. เรามาลองขับกันดีกว่าครับกับเจ้า Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT รุ่นท็อปสุดพระเอกสุดของ นิสสัน กันดีกว่าว่า จะมีดีพอจะแข่งกับรถ PPV เจ้าตลาดได้หรือเปล่า
หน้าตานั้น “ผ่าน” แน่นอน เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม รุ่นนี้หล่อขึ้น ดุขึ้น จากกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ที่มาใช้ไฟหน้าแบบ Quad EYE LED แล้ว ที่ทั้งสว่างกว่า และสวยกว่าไฟหน้า LED ทั่วไป บอกเลยว่างานนี้ลงตัวขึ้นเยอะ แต่หากเทียบกับคู่แข่งแล้ว ก็แล้วแต่ความชอบแล้วครับว่าจะชอบสไตล์ไหน ซึ่งเจ้า Terra ใหม่นี้ ออกไปในทางตันๆ แน่นๆ ไม่โฉบเฉี่ยวเท่าไหร่นัก วัยรุ่นไม่น่าชอบ แต่น่าจะ เข้า ทางกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก
และเมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสารก็ต้องบอกว่า “ว้าว” ใช้ได้ กับดีไซน์ภายในใหม่ ดูทันสมัยขึ้นมาทันตาเห็น หน้าปัด คอนโซลกลาง จอแสดงผลกลาง ตามยุคตามสมัย พวงมาลัยแบบเป็นสปอร์ต 3 ก้านแบบ มัลติฟังก์ชั่น อย่างนี้สิ คอยน่าขับหน่อย
แต่รถคันนี้เป็นรถครอบครัวขอเข้าไปสำรวจในตำแหน่งผู้โดยสารตอน 2 และตอน 3 เสียก่อน ว่านั่งได้จริงหรือเปล่า?
การเข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งแถว 3 ในเจ้านิสสัน เทอร์ร่า ใหม่นี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะเบาะที่นั่งแถว 2 สามารถดึงสลักพับ และยกได้แบบอัดโนมัติ หรือที่เรียกว่าระบบ Auto tumble seat ง่ายมากแถมเบาแรงด้วย จุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ เทอร์ร่าใหม่ คันนี้เข้า–ออกง่ายกว่า PPV เจ้าอื่น ซึ่งน่าจะเหมาะกับเจ้าตัวเล็กที่บ้านไม่น้อย
เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารตอน 3 แบบเต็มตัว ก็ต้องบอกว่า “เฮ้ยย กว้างใช้ได้นะ กับเบาะที่นั่งแถว 3 แบบ 2 ที่นั่ง เข่าไม่ได้ชิดกับพนักเบาะแถว 3 เท่าไหร่ ที่สำคัญพนักพิงของเบาะแถว 3 สามารถปรับเอนได้ด้วย อันนี้ชอบๆ แถมที่วางแขนด้านข้างยังมีช่องใส่แก้วน้ำ และช่อง HDMI และช่อง USB มาด้วย
โดยเจ้าเทอร์ร่าใหม่นี้ทางนิสสันแถมชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อ Smart TV ที่ทำให้จอโทรทัศน์ในรถของคุณกลายเป็น Smart TV ดู youtube ดู Netflix ได้สบายๆ เพียงแค่คุณเชื่อมต่อเจ้า Smart TV Stick เข้ากับ wifi โทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณ ห้องโดยสารของ นิสสัน เทอร์ร่า ก็จะกลายเป็นห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ไปในทันที
ส่วนตัวแล้วผมชอบมากๆเลยกับการทำให้ห้องโดยสารในรถกลายเป็นห้องนั่งเล่นเพราะนั่นหมายความว่าการเดินทางทั้งครอบครัวจะไม่เป็นเวลาแห่งความสนุกและไม่น่าเบื่อหน่ายอีกต่อไปซึ่ง option นี้ทำให้ผมไม่อยากขยับกลับไปนั่งที่ตำแหน่ง “คนขับ” เลย เพราะอยากนั่งดู ซีรีย์ หนังสนุกๆ ระหว่างการเดินทางมากกว่า
และเบาะนั่งในแถว 2 ก็นั่งสบายไม่น้อยทีเดียว ความกว้างขวางใหญ่โต สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้มา อย่างช่องแอร์ แถว 2 และ 3 ที่มีมาให้ ก็เย็นพอนะกับการใช้งาน รถคันนี้ เบาะหลังติดฟิล์มทึบๆ หน่อยละก็ หลับกันยาวๆ ดูหนัง ฟังเพลงเพลินไม่น้อย
มาครั้งนี้ถือว่านิสสันเอาจริง จัดเครื่องเสียง Bose ชุดใหญ่ ที่ติดมากับ เทอร์ร่า รุ่นท็อป เน้นฟังสบายๆ ไม่กระแทกกระทั้น แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละท่านแล้วครับ ว่าชอบเสียงในแนวใหน ก็ต้องไปลองฟังกันดูว่าเป็นอย่างไร และยังมีกระจกบังลมหน้าที่เป็น Acoustic Glass ช่วยเก็บเสียงจากภายนอก ทำให้เครื่องเสียงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
ขยับกลับมาที่ตำแหน่งประจำของผมดีกว่านั่นคือการเป็น “พลขับ”
กดปุ่ม Start เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมา แต่ไม่สั่นสะท้านเหมือนรุ่นเดิม ทั้งๆที่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิมคือ เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน–เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แน่นอนว่า นิสสัน ได้ “ปรุงแต่ง” เครื่องยนต์ตัวนี้ให้น่าใช้มากขึ้น
ลองกดคันเร่งรถออกตัวไปแบบเรื่อยๆ ตามสไตล์ของเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ ที่เซ็ตมาให้ออกตัวแบบนุ่มนวล แต่กระฉับกระเฉงกว่าตัวเดิมอย่างเห็นได้ชัด และยังไม่ “พุ่ง” เท่ากับ PPV รุ่นท็อปของค่ายอื่น และเมื่อกดคันเร่งหนักๆ ก็จะได้พบกับการกระชาก ของอัตราเร่ง ในระดับหนึ่ง ผมว่าเหมาะกับการเดินทางสไตล์ครอบครัว
นั่นแสดงว่านิสสันเทอร์ร่าใหม่นี้ไม่ได้ถูกปรับจูนเครื่องยนต์มาให้กระฉับกระเฉงเท่ากับนิสสันนาวาราใหม่ที่รายนั้นอัตราเร่งทันใจดีไม่น้อยแต่เทอร์ร่ายังถูกจูนออกมาให้ออกตัวและเร่งแซงในแบบเนิบๆแต่มีกำลังนะครับเพียงแต่ไม่พุ่งอย่างที่ใจเราต้องการซึ่งจุดนี้ผมถือว่าพอรับได้สำหรับการใช้งานแบบพ่อบ้าน ไม่เร่งรีบหากต้องการขับในแบบวัยรุ่นต้องไปแบบใจเย็นๆรอจังหวะเร่งแซง
ส่วนการทำงานของเกียร์ทำงานดีมากในเรื่องความนุ่มนวลไม่มีอาการกระตุกของเกียร์ให้เสียอารมณ์จุดนี้ถือว่าดีครับแรงสู้คนอื่นไม่ได้แต่นุ่มนวลสู้ได้
ไล่สายตามาตามแผงคอนโซลหน้าก็ต้องยอมรับว่าเทอร์ร่าใหม่นี้นิสสันทำการบ้านมาดีไม่น้อยเหมือนอย่างที่ “ท่านประธาน” บอกว่าจะ “ฟัง” ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ก็เห็นจริงๆครับ เพราะคอนโซลกลาง มีจอน้าจอสัมผัส WXGA ขนาด 9 นิ้ว และเทคโนโลยี NissanConnect ที่เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายได้ด้วย
อันนี้ถือว่าเจ๋งมากครับเพราะการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายนี้นี้ เทอร์ร่าใหม่ เป็นเจ้าแรกที่มี option นี้นะ และที่ต้องว้าวอีกอย่างคือ มีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถเล่น Apple CarPlay กับรถของเราแบบไร้สายได้โดยที่ไม่ต้องเสียบสายชาร์จให้รกรุงรัง
ไม่อย่างนั้นหากมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายมาให้ แต่ไม่มีระบบการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ยังไงเราก็ต้องเสียบสายชาร์จไฟโทรศัพท์ผ่านสาย USB อยู่ดี รุงรังเหมือนเดิม 2 option นี้ต้องบอกว่าถูกใจผมมากครับ รองลงมาจากระบบ Smart TV เลยทีเดียว
แม้ว่าเทอร์ร่าใหม่นี้จะมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายบริเวณคอนโซลหน้าแล้วเค้าก็ยังมีช่องชาร์จไฟ USB ทั้งแบบ A และ C อีก 5 จุด ตั้งแต่บริเวณคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และเบาะแถวที่ 3 มาให้อีกด้วย เรียกได้ว่านั่งตรงไหน ก็ชาร์จไฟได้
เพิ่มความเร็วหน่อยดีกว่า…..ลองเพิ่มน้ำหนักคันเร่งให้มากขึ้นกับการเดินทางในเส้นทางกรุงเทพ–เขาใหญ่ ที่วันนี้การจราจรไม่ได้หนาแน่นมาก ขับแบบไปเรื่อยๆ ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. ความนิ่งของพวงมาลัยดีมาก เสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารมีเข้ามาน้อยนะ เพราะเค้าใช้ Acoustic Glass ที่กระจบังลมหน้า เรียกว่าอยู่ในเกณฑ์เงียบก็ว่าได้ เสียงจาก ซีรีย์ใน Netflix ผ่านลำโพง Bose ทั้ง 8 ตัวให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจน สร้างความบันเทิงให้กับผู้โดยสารตอนหลังได้เป็นอย่างดี
ขับผ่านทางขรุขระพบว่าช่วงล่างค่อนข้าง “นุ่ม–หนึบ” ไม่ได้นุ่มนวลมากนัก ไม่ต้องกลัวอาการโยนไปโยนมา แถมเข้าโค้งดีด้วยสิ คือในส่วนของช่วงล่างนั้น เทอร์ร่า ทำได้ดีมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นในรุ่นใหม่ นิสสัน จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนช่วงล่างอะไรใหม่ ยังคงใช้แบบเดิมๆ ซึ่งดีมากครับ ผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบายจริง ไม่มีกระแทกกระทั้น หรือโยนให้เวียนหัวอะไร ยังคงนั่งดูหนังกันแบบสบายๆ
แต่สิ่งที่เทอร์ร่าใหม่น่าจะต้องปรับปรุงคือระบบควบคุมการบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยที่ยังแอบ “หนัก”อยู่ไม่น้อยแม้ว่าทางนิสสัน จะปรับอัตราทดของพวงมาลัยให้มากขึ้น หรือให้เบาขึ้นแล้วก็ตาม แต่ความหนักของพวงมาลัย ก็ส่งผลดีเมื่อคุณขับด้วยความเร็วสูง เพราะพวงมาลัยจะค่อนข้าง “นิ่ง”
ซึ่งในภาพรวมของระบบพวงมาลัยนิสสัน เทอร์ร่าใหม่ ผมว่ามันหนักไป แม้ว่าในช่วงที่เราจะมุดซ้าย มุดขวา ก็ต้องใช้พละกำลังมากกว่า PPV ค่ายอื่น
ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.3 ลิตรดีเซล เทอร์โบคู่ ตัวนี้พละกำลังใช้ได้นะครับ แต่คิ๊กดาวน์แล้วรถไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าด ต้องรอรอบ และรู้ใจ รู้จังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ ก็ทำให้เราขับรถคันนี้ได้ดีมากขึ้น แต่หากมองในเรื่องแรงบิด ขึ้นเขา–ลงห้วย ใส่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บอกได้เลยว่าไปไหนไปกันไม่มีปัญหา
ขับไม่ทันใจ ไปแบบเรื่อยๆ สไตล์เที่ยวทั้งครอบครัว ให้ความแรงเหลือเฟือ แต่จะแซงใครก็กะระยะดูดีๆ ครับ ผมไม่เชียร์ให้ขับ นิสสันเทอร์ร่าใหม่ แบบใจร้อนนะ ช่วงล่างไว้ใจได้เลย กันสะเทือน นิ่ง ไม่โคลง มาตั้งแต่รุ่นที่แล้ว แต่เครื่องยนต์รอรอบไปหน่อยเรียกกำลังเร่งแซงช้าไปหน่อยสำหรับการเร่งแซง ตามสไตล์ของเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ ที่เซ็ตมาแบบนุ่มนวล ไม่กระชากแบบเทอร์โบเดียว เพื่อให้เหมาะกับการเดินทางสไตล์ครอบครัว
แต่หากขับใช้งานในเมืองไม่มีปัญหานะสำหรับผมไปเรื่อยๆ ในเมืองผมไม่ค่อยได้เร่งแซงอะไรใครอยู่แล้ว เน้นการขับแบบสบายๆ พ่อบ้านสายชิลล์ พาครอบครัวไปเที่ยวแบบปลอดภัยทุกเส้นทาง
เครื่องยนต์ของเทอร์ร่าใหม่ ผมว่าแค่กระฉับกระเฉงขึ้นมาหน่อยตอนช่วงออกตัวโดยรวมถือว่าเน้นการขับขี่แบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีเพิ่มขึ้นในรถค้นนี้ระหว่างที่กำลังขับอยู่ก็คือเรื่องของระบบความปลอดภัยไฮเทคที่ถูกใส่เข้ามามากมายไม่น้อยทีเดียวเมื่อเทียบกับราคา 1.499 ล้านบาท ไล่มาตั้งแต่ระบบปกป้องรอบด้านด้วย 360 degree Safety Shield ทั้งเทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน และแจ้งเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะหรือเมื่อรถออกนอกช่องทาง เทคโนโลยีเตือนรถในมุมอับสายตา เทคโนโลยีกล้องมองภาพรอบทิศทางที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย เทคโนโลยีเตือนผู้ขับขี่เมื่อขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า และเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะที่จะแสดงภาพความละเอียดสูงผ่านกระจกมองหลัง
เทคโนโลยีสุดท้ายนั้นผมชอบมากเพราะจะใช้ตอนกลางคืนหรือตอนฝนตกบอกได้เลยว่าโคตรเวิร์คชัดเจนมากกับมุมมองหลังรถไม่ต้องมานั่งกังวลเลยว่ากระจกบังลมหลังจะมัวหรือเป็นฝ้าใช้กล้องมองเลยแจ่มจริงครับเทคโนโลยีนี้แถมด้วยกล้องมองรอบคันที่ชัดใช้ได้เลยช่วยทำให้การขับรถคันใหญ่ๆง่ายขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะการเข้าจอดในที่แคบๆยิ่งสบายใหญ่
หากมองในเรื่องของระบบความปลอดภัยไฮเทคในนิสสันเทอร์ร่าใหม่บอกเลยว่าคุ้ม!! เมื่อเทียบกับราคา และเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่มีราคาแพงกว่าหลายแสนบาท เทอร์ร่า ให้ความคุ้มค่ามากกว่ามาก เพราะในราคาไม่ถึง 1.5 ล้านบาท เทอร์ร่าใหม่ ยังให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาอีกด้วย และเมื่อกวาดสายตาไปที่คู่แข่งแล้ว ราคานี้คุณได้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น!!
เครื่องยนต์ตัวนี้ อึด ถึก ทน ไม่แพ้เจ้าตลาดแน่นอน พวงมาลัยออกจะหนัก แต่แม่นยำไว้ใจได้เมื่อต้องเข้าโค้งหนัก ความเด่นเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเจอกับช่วงล่างนุ่ม หนึบ ที่ถูกใจผู้โดยสารแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีความเด่นในเรื่องความสบายของห้องโดยสารทั้งผู้โดยสารตอน 3 และตอน 2 ที่เพลิดเพลินกับจอทีวีขนาด 11 นิ้ว ที่ติดตั้งบนเพดาน กับสารพัดรายการบนโลกออนไลน์ตามที่คุณต้องการอีกด้วย
เอาเป็นว่านิสสันเทอร์ร่าใหม่นี้ ไม่ใช่รถที่เน้นขับแรงแซงปรู๊ดปร๊าด ไม่เหมาะกับวัยรุ่นใจร้อน แต่เป็นรถครอบครัว ที่โคตรคุ้ม ที่มาพร้อมกับความสบายภายในรถ และคุ้มกับระบบความปลอดภัยไฮเทค รวมถึง option ต่างๆที่ให้มา เมื่อแลกกับค่าตัว 1.499 ล้านบาท แล้วผมว่าคุณหาไม่ได้จาก PPV คันอื่น!!