YAMAHA YZF-R9 2025 เผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 ซึ่งเป็นรถกลุ่มซูเปอร์สปอร์ตในตระกูล R-Series ที่ถูกนำมาทำตลาดทดแทน YAMAHA YZF-R1 ที่เป็นตำนานแห่งความแรงของแบรนด์มาโดยตลอด และถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากสนามแข่งสู่รถที่จำหน่ายจริง
ความโดดเด่นของ YAMAHA YZF-R9 โฉมปี 2025 นี้ คือการใช้เฟรมอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในตระกูลซูเปอร์สปอร์ตของแบรนด์ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 9.7 กิโลกรัม ซึ่งออกแบบมาสำหรับ R9 โดยเฉพาะ ไม่ใช่การพัฒนาหรือปรับปรุงมาจากเฟรมรุ่นอื่น ทำให้เฟรมมีความแข็งแรงขึ้นเมื่อเทียบกับ MT-09 แต่ยืดหยุ่นกว่า R6
นอกจากนั้น ยังมาพร้อมการปรับดีไซน์ใหม่ของตัวรถด้วยการเพิ่ม Winglets ใต้ไฟหน้า เพื่อเสริมแรงกดล้อหน้าโดยไม่เพิ่มแรงต้านลม ซึ่ง ยามาฮ่า เคลมไว้ว่าเพิ่มความเสถียรและช่วยลดการยกของล้อหน้าได้ 6-7% ขณะที่ขับขี่บนทางตรง และเมื่อทำงานร่วมกับสปอยเลอร์จะเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 10% ขณะเข้าโค้ง อีกทั้ง ช่องดักอากาศทรงตัว M
YAMAHA R9 ยังเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic Performance) ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นรุ่นที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดยองยามาฮ่า
ด้านเครื่องยนต์มาพร้อมเครื่องยนต์ CP3 ขนาด 890 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมคันเร่งไฟฟ้า สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมดมาตรฐาน Sport, Street และ Rain พร้อมปรับแต่งโหมดได้เอง 2 แบบ รวมถึงโหมดสนามแข่ง 4 แบบ Track 1-4 ซึ่งสามารถปรับรถให้เหมาะกับความต้องการและสภาพการขับขี่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : YAMAHA เตรียมเปิดตัวบิ๊กไบค์รุ่นใหม่กระตุ้นตลาดใน Motor Expo 2025
ขณะเดียวกัน โช้คหน้าดีไซน์ใหม่ แกนในขนาด 43 มิลลิเมตร ช่วงยุบ 120 มิลลิเมตร พร้อมกับความสามารถในการปรับความละเอียดในการตั้งค่า ที่เป็นคุณสมบัติที่เหล่านักแข่งและผู้ขับขี่ต้องการ ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้ทั้งพรีโหลดและแรงหน่วงโดยแยกการทำงานได้ทั้งแกนซ้ายและขวา พร้อมกันโช้คหลังที่สามารถปรับแรงหน่วงได้
ส่วนระบบเบรกมาพร้อมกับคาลิปเปอร์ Brembo Stylema Monoblock พร้อมจานเบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมสายเบรกถักสแตนเลส และเบรกหลังปรับจูนใหม่ควบคุมได้ดีเทียบเท่า R6 พร้อมระบบ IMU 6 แกน ที่ทำงานร่วมกับ ECU ตรวจจับแรงเฉื่อยและสั่งการไปที่สมองกลเพื่อปรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ปรับธีมได้ 4 รูปแบบ พร้อม Track Mode แสดงเวลาต่อรอบ และฟีเจอร์ Y-TRAC สำหรับผู้ขับขี่สายสนาม อาทิ Lap Timer, Virtual Pit Board และ Logged Data Display เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาทักษะการขับขี่ได้เหมือนนักแข่งมืออาชีพ ขณะเดียวกันก็รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่น Y-Connect และระบบนำทาง Garmin StreetCross
นอกเหนือจากข้อมูลของตัวรถข้างต้นที่เปลี่ยนแปลงไปของ R9 แล้วนั้น Autolifethailand ได้มีโอกาสเดินทางไปยัง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อร่วมสัมผัสสมรรถนะของซูเปอร์สปอร์ตไบค์ในสนามที่ถูกใช้จัดการแข่งขันรายการต่าง ๆ ระดับโลก และหนึ่งในนั้นคือ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี (MotoGP) ด้วยรถที่มีดีกรีแชมป์ระดับโลกในรายการ World Supersport Championship 2025 (WorldSSP 2025) ที่ทีมยามาฮ่าใช้ YAMAHA YZF-R9 ลงแข่งขันและสามารถคว้าแชมป์มาได้ในฤดูกาลนี้
สัมผัสแรกที่รู้สึกเมื่อขึ้นคร่อมขี่ในท่าเตรียมพร้อมออกตัวนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับการเป็นนักแข่งที่ลงสนามท่มกลางการแข่งขัน ซึ่งมันเร่งจังหวะการเต้นของหัวใจให้พร้อมกับการเตรียมออกตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบเลยคือท่านั่งที่สามารถปรับตามสรีระได้หลากหลายโดยได้ฟีลลิ่งสปอร์ตที่สบายก้นไม่โด่งเท้าถึงพื้นด้วยความสูงเบาะ 830 มิลลิเมตร กับตำแหน่งกริ๊พขาและการวางเท้าที่แม้ว่าส่วนตัวผมจะมีความสูง 185 เซนติเมตร แต่ก็จัดตำแหน่งท่าทางได้ดี
ส่วนเมื่อลงสนามแล้วนั้นเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ไม่มีข้อครหาในทุกย่านความเร็วเลย ระบบต่างถูกเซ็ตให้ตอบสนองได้ดีในทุกย่านความเร็ว ตั้งแต่ออกตัวจนกระทั่งการควบคุมความเร็วในโค้ง รวมถึงจังหวะชู๊ตเปิดคันเร่งออกจากโค้ง ส่วนตัวคิดว่าการเดินคันเร่งมีการตอบสนองที่ไวสั่งได้ดั่งใจเลย อัตราทดเกียร์ไหล่ลื่นแต่ยังได้ฟีลลิ่งสปอร์ตเมื่อกำคลัชท์เตะเกียร์ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรถคันนี้ถึงสามาถคว้าแชมป์ในรายการ WorldSSP2025 ได้ และน่าจะเป็นการบ้านที่หนักหน่วงสำหรับคู่แข่งในรายการแข่งขันที่ต้องเร่งพัฒนาตามให้ทันกับความสำเร็จของ ยามาฮ่า ในรุ่นนี้
การควบคุมตัวรถง่ายและคล่องตัวเมื่ออยู่ในสนามจากระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ทำให้เข้าขั้นความ “ง่าย” ในการขับขี่ จะพลิกรถเข้าโค้งต่อเนื่องก็สามารถทำได้ง่ายและที่สำคัญมีความ เสถียร และ นิ่ง มากคือรู้สึกได้ถึงความมั่นใจกล้าที่จะใส่ความสนุกมากขึ้น ชอบตรงที่อาการของตัวรถที่แม้จะเป็นซูเปอร์สปอร์ตไบค์แต่ก็ขี่ง่ายราวกับรถใช้งานในชีวิตประจำวันเลย น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่เป็น มือใหม่อยากลงสนาม หรือ เป็นมืออาชีพที่ใช้เป็นรถซ้อม
อ้อ … เกือบลืมไป รถทุกคันที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ เป็นรถเดิมจากโรงงาน ยางเดิมจากโรงงาน ทุกอย่างไม่มีการปรับเปลี่ยนเพื่อความพิเศษสำหรับการลงสนามแต่อย่างใด นั่นหมายความว่านี่คือการถ่ายทอด DNA ของรถแข่งจากสนามสู่รถที่จำหน่ายจริงได้อย่างเต็มรูปแบบ
ที่สำคัญเรื่องระบบเบรกที่ให้มาอันนี้แทบจะไม่ต้องอัพเกรดเลยถ้าไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนความแรงของเครื่องยนต์ เท่าที่ให้มาก็เพียงพอที่จะทำให้ความเร็วหน้าจากโค้ง 12 สู่โค้ง 1 หน้าแกรนด์สแตนด์ของ สนามช้างฯ สามารถเอาอยู่! เพียงพอ
แต่กระนั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการแต่งรถครั้งนี้ ยามาฮ่า ทำการบ้านมาดีมีของแต่งแท้จากโรงงานมาไว้อย่างเพียบพร้อมทั้ง Yamaha Genuine Accessories และ GYTR รวมถึง GYTR Pro คือเรียกได้ว่าตั้งแต่การตกแต่งสวยงามไปจนกระทั่งถึงสุดพร้อมลงสนามแข่งขันได้เลย
เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นสายซูเปอร์สปอร์ตไบค์ YAMAHA YZF-R9 จะเป็นรถอีกคันที่ทำให้ปลุกอารมณ์กระตุ้นความอยากในการลงสนามแข่งได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าซื้อไว้เป็นรถคันที่ 2 ที่ 3 ไว้สำหรับลงแข่งหรือเป็นกิจกรรมในช่วงวันหยุดคันนี้ควรมีติดบ้านไว้สักคันในลิสต์ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าราคาค่าตัวจะเปิดมาอย่างไร โดยจะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในช่วงงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 (Motor Expo 2025) ซึ่งพร้อมที่จะส่งมอบล็อตแรกจำนวน 40 คัน ในช่วงเดือน ธันวาคม 2568 – มกราคม 2569


















