การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการหลังการขายสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ โตโยต้า (TOYOTA) ที่ปัจจุบันแม้ว่าจะยังมีเพียงแค่ 2 รุ่น นั่นคือ bZ4X รถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) และ Hilux Travo-e รถกระบะพลังงานไฟฟ้า แต่แผนในอนาคตคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าลงสู่ตลาดต่อเนื่อง
Autolifethailand ได้มีโอกาสเข้าชมบริการหลังการขายของ ผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) โตโยต้า บัสส์ (TOYOTA BUZZ) ในกิจกรรม Open House Toyota Trusted Service 2025 ของ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย โดยมุมหนึ่งในศูนย์บริการที่น่าสนใจคือ Hi-Tech Area ซึ่งเป็นโซนที่ถูกแยกขึ้นมาสำหรับการให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะ
บริเวณดังกล่าวมีช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมขั้นสูงจาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เพื่อดูแลรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยมาตรฐานเดียวกันกับบริษัทแม่ พร้อมกันนี้ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อความปลอดภัยและเพื่อคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะอุปกรณ์วิเคราะห์ปัญหาที่มีชื่อเรียกว่า GTS+ ใช้เชื่อมต่อกับตัวรถแสดงข้อมูลปัญหาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์โตโยต้าโดยเฉพาะทั้ง HEV, BEV ของ โตโยต้า และ เลกซัส
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดให้ชมครั้งแรก! คลังอะไหล่ล้านชิ้น Toyota Parts Center Asia Pacific
สำหรับพื้นที่เฉพาะแบบนี้ ปัจจุบันเริ่มมีการทยอยเปิดให้บริการในดีลเลอร์แล้ว โดยในอนาคตทุกดีลเลอร์จะต้องมีพื้นที่แบบดังกล่าวเพื่อรองรับให้บริการสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของแบรนด์
นอกจากนั้น โตโยต้า ยังได้พัฒนา Wall Charger สำหรับผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รองรับการใช้งานของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าโตโยต้าทุกรุ่น โดยมี 2 ขนาด ได้แก่ 7 kWh และ 22 kWh โดยเป็นหัวชาร์จแบบ Type 2 รวมถึงยังได้ร่วมมือกับ EVOLT ซึ่งเป็นผู้ให้บริการติดตั้งและดูแลหลังการขายสำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดย Wall Charger ของโตโยต้า มีจำหน่ายที่ดีลเลอร์ทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ยังได้ทดลองระบบการสั่งอะไหล่จาก ศูนย์กระจายอะไหล่ ของโตโยต้า ที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงของระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งได้เห็นว่า อะไหล่บางอย่างที่หายากอย่าง แบตเตอรี่ หรือ ไฟหน้า ของ โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด ที่มีอายุกว่า 10 ปีแล้วซึ่งอาจจะไม่ได้มีสต๊อกที่ดีลเลอร์แต่ในระบบโชว์ว่ามีสต๊อกอยู่ที่ศูนย์กระจายอะไหล่ซึ่งสามารถสั่งได้จริง
รวมถึง การเข้าชมในส่วนซ่อมสีและตัวถัง Body & Paint ที่ได้เห็นความละเอียดในการให้บริการของโตโยต้ายกตัวอย่างเช่นสีรถยนต์ที่ลูกค้าใช้งานไปแล้วอาจจะไม่ได้เป็นสีเหมือนใหม่ดังนั้นการซ่อมและให้มีความสวยงามมีการใช้เครื่องมือเปรียบเทียบสีที่อยู่บนตัวรถและนำมาผสมสีที่ใช้ในส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อม
อีกส่วนหนึ่งคือ การซ่อมหนักที่ต้องดึงตัวถัง มีการใช้เครื่องมือเฉพาะทางพร้อมช่างที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และที่สำคัญมีคู่มือสำหรับการซ่อมแบบละเอียดเพื่อให้รถทุกคันที่ผ่านการซ่อมจะได้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในทุกส่วนจะมีการตรวจเช็กทุกขั้นตอนและในขั้นตอนสุดท้ายจะมีการตรวจสอบคุณภาพก่อนการส่งมอบถึงมือลูกค้า
ดังนั้นเอง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โตโยต้า โดยเฉพาะในด้านบริการหลังการขายทั้งในส่วนของการซ่อมสีและตัวถัง อีกทั้งการรองรับผลิตภัณฑ์ที่จะทยอยลงสู่ตลาดในอนาคตอย่าง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

















