นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ เดือนกันยายน 2568 มียอดขายรวมอยู่ที่ 48,350 คัน เพิ่มขึ้น 23.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังเติบโตดีเพราะหลายรุ่นมีราคาที่ถูกลงจนสามารถซื้อได้มากขึ้นรวมทั้งเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจมากขึ้น
ขณะที่ ยอดขายรถกระบะยังคงลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหลักฐานการเงินอ่อนแอจากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายเติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงติดลบ แรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ลดลงจึงขาดกำลังซื้อ ผู้ขายสินค้าอื่น ๆ และอาหารรวมทั้งการท่องเที่ยวมีรายได้ลดลง
สำหรับรถยนต์นั่งมีจำนวน 31,722 คัน หรือคิดเป็น 65.61% ของยอดขายทั้งหมด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รถยนต์นั่งสันดาปภายใน (ICE) มีจำนวนอยู่ที่ 9,065 คัน หรือคิดเป็น 18.75% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 22.08% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งพลังงานไฟฟ้า (BEV) มีจำนวนอยู่ที่ 9,107 คัน หรือคิดเป็น 18.84 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 99.10% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีจำนวนอยู่ที่ 637 คัน หรือคิดเป็น 1.32 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 223.35% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่ง REEV (Range-Extended Electric Vehicle) มีจำนวนอยู่ที่ 149 คัน หรือคิดเป็น 0.31% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งไฮบริด (HEV) มีจำนวนอยู่ที่ 12,764 คัน หรือคิดเป็น 26.40% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 108.73% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านยอดขายรถกระบะมีจำนวน 11,049 คัน ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 48 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 7 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวนอยู่ที่ 3,250 คัน เพิ่มขึ้น 31.95% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ สะสม 9 เดือน (มกราคม – กันยายน) ของปี 2568 มียอดขายสะสมอยู่ที่ 477,969 คัน เพิ่มขึ้น 2.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรถยนต์นั่งมีจำนวน 288,391 คัน หรือคิดเป็น 64.44% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 9.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รถยนต์นั่งสันดาปภายใน (ICE) มีจำนวนอยู่ที่ 97,287 คัน หรือคิดเป็น 21.72% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 17.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งพลังงานไฟฟ้า (BEV) มีจำนวนอยู่ที่ 81,351 คัน หรือคิดเป็น 18.16% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 55.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีจำนวนอยู่ที่ 6,803 คัน หรือคิดเป็น 1.52% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 311.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่ง REEV (Range-Extended Electric Vehicle) มีจำนวนอยู่ที่ 580 คัน หรือคิดเป็น 0.19% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งไฮบริด (HEV) มีจำนวนอยู่ที่ 102,370 คัน หรือคิดเป็น 22.85% ของยอดขายรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 12.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนรถกระบะ มีจำนวนอยู่ที่ 106,603 คัน ลดลง 15.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 534 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 13 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 31,360 คัน เพิ่มขึ้น 16.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า