Nissan N7 จาก Dongfeng Nissan วางตำแหน่งเป็นรถยนต์สี่ประตู ที่เป็นมิตรกับครอบครัวมากที่สุด และนับเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่สร้างขึ้นบนงานวิศวกรรม Tianyan Architecture ซึ่งอันที่จริงแล้วโครงสร้างนี้รองรับทั้ง EV, PHEV และ EREV นอกจากนั้น ยังมีการคาดการณ์ว่านี่คือความหวังของ Nissan ที่จะแย่งส่วนแบ่งในตลาดกลับมาในจากประเทศจีนอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังต่อไปนี้
- ยาว : 4,930 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,895 มิลลิเมตร
- สูง : 1,487 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,915 มิลลิเมตร
Nissan N7 ยังคงอัตลักษณ์ V-Motion เอาไว้ผสานกับกระจังหน้าแบบปิดตาย เสริมด้วยแถบไฟ LED รวม 710 จุด เชื่อมต่อตลอดแนวและมีโลโก้แบรนด์เปล่งแสงได้อยู่กึ่งกลาง ด้านข้างเส้นสายสะอาดตาผสานกับมือเปิดประตูด้านหลัง และแนวหลังคาลาดลงสไตล์ Fastback ส่งผลให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.208 Cd กระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบ ทั้งยังไม่มีกระจกโอเปร่าด้านหลัง ส่วนไฟท้ายเป็นแถบ OLED จำนวน 882 จุด ปิดท้ายกับสีตัวถังที่มีทั้ง สีน้ำเงิน, สีเงิน, สีฟ้า, สีเบจ, สีขาว และสีดำ ให้เลือก
ห้องโดยสารของ Nissan N7 มีให้เลือกสองสีระหว่าง สีเทา Light Gray และ สีเขียว Forest Green ตัดสีขาว Snow White พวงมาลัยเป็นแบบสองก้านพร้อมก้าน Paddle Shift มาตรวัดเป็นหน้าจอ Full LCD และยังมีหน้าจอสัมผัสลางความละเอียด 2.5K ขนาด 15.6 นิ้ว ปฏิบัติการร่วมกับชิพ Qualcomm Snapdragon 8295P เบาะเป็นแบบ AI Zero Pressure Cloud Seat มีเซนเซอร์ 49 จุด พร้อมปรับตามสรีระผู้ใช้งาน ส่วนอุปกรณ์อื่นมีลำโพง 14 จุด, ไฟ Ambient Lighting 256 สี, และตู้คุมอุณหภูมิระหว่าง -6 ถึง 55 องศา
ขุมพลังของ Nissan N7 เป็นระบบไฟฟ้า EV พร้อมชูเทคโนโลยี CTB battery ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อีก 5% ทั้งยังรองรับการชาร์จแบบ 3C ใช้เวลาในการชาร์จ 19 นาที เพื่อให้ขับขี่ไปได้อีก 400 กิโลเมตร ส่วนสมรรถนะมีให้เลือกสองระดับความแรง จากมอเตอร์เดี่ยวระหว่าง 215 และ 268 แรงม้า พร้อมทางเลือกแบตเตอรี่ขนาด 58 และ 73 kWh ขับได้ไกลสุดระหว่าง 510 – 635 กิโลเมตร น้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 1,949 และ 1,962 กิโลกรัม
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่พัฒนาร่วมกับ Momenta ซึ่งใช้การประมวลผลจากภาพเป็นหลัก ทำงานได้ทั้งในสภาพการขับขี่ทั้งในและนอกเมือง รวมถึงขับขี่กึ่งอัตโนมัติร่วมกับระบบนำทาง พร้อมช่วยเหลือขณะจอดและมีระบบช่วยจอด Nissan N7 เปิดรับจองแล้วที่ประเทศเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2025 โดยผู้สนใจสามารถวางเงินมูลค่า 999 หยวน (ราว 4,500 บาท) เพื่อรับส่วนลดมูลค่า 3,000 หยวน (ราว 13,000 บาท) จากราคารถ ซึ่งในตอนนี้มีการเปิดเผยแค่ว่าจะต่ำกว่าระดับ 200,000 หยวน (ราว 913,000 บาท)
ที่มา: carnewschina, autohome
