MINI Cooper รุ่นปัจจุบัน มีตัวถัง 5 Door ตามมาเสริมทัพแล้ว พร้อมตอบโจทย์ทุกสไตล์ด้วยทางเลือกสีตัวถัง 11 สี พร้อมสีหลังคาตัดได้อีก ส่วนุร่นย่อยมีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่น ประกอบด้วย Essential, Classic, Favored และ JCW ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง พร้อมเทียบกับมิติของตัวถัง 3 ประตู มีดังนี้
- ยาว : 4,036 มิลลิเมตร (+ 172 มิลลิเมตร)
- กว้าง : 1,744 มิลลิเมตร
- สูง : 1,464 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : + 72 มิลลิเมตร
MINI Cooper 5 Door ยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์แบบ Charismatic Simplicity เอาไว้ โดยมาพร้อมกับโคมไฟหน้าหน้ากลม, สัดส่วนหน้ายาวพร้อมส่วนกลางยาว, กระจกล้อมรอบตัวถัง และไฟท้ายแนวตั้งแบบจมลงตัวถัง ส่วนล้อมีให้เลือกขนาด 16 – 18 นิ้ว ด้านลูกเล่นสามารถปรับดีไซน์กราฟฟิกไฟ LED ได้ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ในรุ่น JCW เพิ่มความพิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันรวมถึงกระจังหน้าดำเงา, ดิฟฟิวเซอร์ และหลังคาสีแดง Chili Red
ภายในของ MINI Cooper 5 Door มีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9.4 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 รองรับการสั่งการด้วยเสียง ซึ่งเริ่มการใช้งานได้เมื่อพูดว่า Hey MINI ผู้โดยสารสามารถนั่งเบาะหลังพร้อมกันสามคนอย่างสะดวกสบาย ส่วนเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ปรับความจุพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ 275 – 925 ลิตร ทั้งยังมี MINI Digital Key Plus ที่เปิดไฟโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้ในระยะ 3 เมตร และปลดล็อคประตูเองเมื่อเข้าใกล้ในระยะ 1.5 เมตร
ขุมพลังของ MINI Cooper 5 Door มีเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกด้วยกันสองแบบ ดังรายละเอียดโดยสังเขปต่อไปนี้
- MINI Cooper C แบบ 3 สูบ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI Cooper S แบบ 4 สูบ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การขับขี่ MINI Cooper 5 Door ปรับแต่งทั้งช่วงล่างและพวงมาลัย ให้ตอบสนองเฉียบคมในสไตล์ของ MINI เสริมความแหน่นของช่วงล่างด้วยกันโครง ทั้งยังกะทัดรัดด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบ 11.4 เมตร ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มี Parking Assistant Plus โดยทำงานร่วมกับเซนเซอร์แบบ ultrasonic จำนวน 12 จุด และกล้องมองภาพ 4 จุด
ที่มา: MINI