Ferrari 12Cilindri เปิดตัวแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2024 ในฐานะ Supercar สองที่นั่งขุมพลัง V12 วางหน้าไปทางกลาง ได้แรงบันดาลใจมาจาก Ferrari Gran Turismo ในยุค 1950 – 1960 ที่มอบสมรรถนะในการขับขี่ระดับเดียวกับสนามแข่ง แต่ยังคงเอาไว้ซึ่งประโยชน์ใช้สอย ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้
- ยาว : 4,733 มิลลิเมตร
- กว้าง : 2,176 มิลลิเมตร
- สูง : 1,292 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,700 มิลลิเมตร
ผลงานการออกแบบของ Ferrari 12Cilindri เป็นของ Flavio Manzoni และ Ferrari Styling Centre ทั้งยังฉีกจากแนวทางเดิมที่ม้าพยศขุมพลัง 12 สูบวางหน้าอย่างที่เคยเป็นในระยะหลัง มาเป็นสัดส่วนใหม่ที่หน้ายาวท้ายสั้น แต่หลังคามีความลาดลงกว่า รวมถึงช่วงหน้าที่เตี้ยติดพื้น นอกจากนั้น มีการใช้สีดำตัดสีตัวถังส่วนหลังคาและฝากระโปรงหลัง พร้อมคงเอกลักษณ์ม้าพยศขุมพลัง 12 สูบด้วยท่อไอเสียปลายคู่ออกสองฝั่ง ส่วนล้อมีขนาด 21 นิ้ว ด้านหน้ากว้าง 10 นิ้ว รัดด้วยยาง 275/35 ส่วนด้านหลังกว้าง 11.5 นิ้ว รัดด้วยยาง 315/35
ห้องโดยสารของ Ferrari 12Cilindri ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิด dual-cockpit แบ่งสัดส่วนชัดเจนให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับการขับ ส่วนผู้โดยสารสะดวกสบาย และเปิดกว้างด้วยหลังคาแก้วแบบกรองแสงขนาดใหญ่ ด้านระบบแสดงผลใช้ HMI แบบใหม่กับหน้าจอแสดงผล 3 จอ ประกอบด้วย มาตรวัดขนาด 15.6 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสกลางขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอฝั่งผู้โดยสารขนาด 8.8 นิ้ว เครื่องเสียงเป็น Burmester กำลังขับ 1,600 วัตต์ ปิดท้ายกับการนำวัสดุรักษ์โลกมาใช้กับ Alcantara ที่มีโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ 65%
ขุมพลังของ Ferrari 12Cilindri เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 6,496 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 94 x 78 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 : 1 กำลังสูงสุด 830 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 678 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบ/นาที ลากรอบได้สูงสุด 9,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DCT 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ด้านตัวเลขสมรรถนะมีดังนี้
- อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.9 วินาที
- อัตราเร่ง 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.9 วินาที
- ความเร็วสูงสุดมากกว่า 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง
น้ำหนักตัวของ Ferrari 12Cilindri อยู่ที่ 1,560 กิโลกรัม มีอัตราสัดส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 1.88 กิโลกรัม / 1 แรงม้า ส่วนอัตราการกระจายน้ำหนักหน้าหลังอยู่ที่ 48.4% / 51.6% ส่วนระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ส่วนแชสซีส์พัฒนาขึ้นใหม่ซับเสียงดีขึ้น และแกร่งกว่าของ 812 Superfast ถึง 15% โดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักและยังเป็นรถยนต์ production car คันแรกของค่ายที่นำอัลลอยด์รีไซเคิล 100% มาใช้เป็นชิ้นส่วน subframe เกียร์
ระบบเบรกของ Ferrari 12Cilindri เป็นแบบ brake by wire ทำงานร่วมกับระบบ ABS Evo ประมวลผลด้วยเซนเซอร์แบบ 6D ลดระยะเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบสมรรถนะคงเดิมแม้ใช้งานซ้ำ ทั้งยังมีหน่วยควบคุม SSC 8.0 ที่ประมวลผลการขับขี่อย่างแม่นยำ พร้อมช่วยควบคุมเมื่ออยู่บนสภาวะที่ถนนมีแรงยึดเกาะต่ำ
ที่มา: Ferrari