จากกระแสข่าวในต่างประเทศและในประเทศไทยที่มีการอ้างถึงคำกล่าวของ นายคาร์ลอส ทาวาเรซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสเตลแลนทิส (Stellantis) ว่า “ทางกลุ่มอาจมีการยกเลิกบางแบรนด์ในเครือที่ไม่สร้างผลกำไรให้กับองค์กร” ส่งผลให้เกิดการคาดเดาไปในหลายทิศทาง และมีการเผยแพร่ว่าหนึ่งในแบรนด์ดังกล่าว คือ มาเซราติ (Maserati) ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน
ล่าสุด สเตลแลนทิส ได้มีการชี้แจงว่า “ทางบริษัทไม่มีความตั้งใจที่จะขายแบรนด์ มาเซราติ หรือนำไปควบรวมกับแบรนด์ยนตรกรรมหรูอื่น ๆ พร้อมเน้นย้ำว่า มาเซราติ เป็นแบรนด์ที่มีอนาคตสดใส และจะยังเป็นหนึ่งใน 14 แบรนด์ ที่อยู่ภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส ต่อไป”
ทั้งนี้ Maserati อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนอย่างเต็มรูปแบบ กับยนตรกรรมสายพันธุ์ Folgore (โฟลกอเร) ปัจจุบัน มาเซราติ ทำตลาดด้วยรุ่น GranTurismo (กรันทูริสโม) และ GranCabrio (กรันคาบริโอ) ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาป และไฟฟ้าล้วน
ขณะที่ Gracale (เกรคาเล่) ก็มีทั้งขุมพลังสันดาปพร้อมระบบ mild hybrid (ไมลด์ไฮบริด) และเวอร์ชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ขนานไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ส่วนรุ่นโฉมใหม่ของ Levante (เลวานเต้) และ Quattroporte (ควอตโตรปอร์เต้) ก็กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเช่นกัน
ดังนั้น จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นและมีการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง จึงไม่สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาวของ มาเซราติ ภายใต้กลยุทธ์ ‘Dare Forward 2030’ จากทางสเตลแลนทิส
มาเซราติ มีเป้าหมายในการเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับธุรกิจโมบิลิตี้ในอนาคต เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นทั่วโลก ควบคู่ไปกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และตอกย้ำการมีผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งนับเป็นอีกความท้าทายของ มาเซราติ ที่ต้องทุ่มเทในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่กำหนด
สเตลแลนทิส ยืนยันว่าจะยังคงรักษายนตรกรรมทั้ง 14 แบรนด์ไว้ทั้งหมด โดยแต่ละแบรนด์มีเวลา 10 ปี ในการสร้างธุรกิจให้เกิดผลกำไรและดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน พร้อมตระหนักดีถึงความผันผวนของตลาด รวมไปถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวม