อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยถือว่ามีความท้าทายโดยเฉพาะตลาดรถปิกอัพที่มีสัดส่วนต่ำสุดในประวัติศาสตร์รอบหลายสิบปี รวมถึงอัตราเติบโตชะลอตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตยังไม่มีทิศทางที่จะฟื้นตัวในเร็ววัน
นายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด (ISUZU) เปิดเผยว่า บริษัทได้ประเมินเศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2569 ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปัจจัยราคาผลผลิตตกต่ำส่งผลให้รายได้เกษตรกรไม่เพิ่มขึ้น สะท้อนมาถึงกำลังซื้อที่เกิดขึ้นในกลุ่มรถกระบะที่ชะลอตัวลงประกอบกับความเข้มงวดของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) อีกทั้งความไม่มั่นคงทางการเมืองและจะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่บริษัทตั้งความหวังการตั้งรัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 595,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามคาดการณ์ แต่สัดส่วนของรถปิกอัพ (ไม่รวม PPV) จะมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 24% หรืออยู่ที่ 145,000 คัน ต่ำสุดในประวัติศาสตร์รอบหลายสิบปี จากปกติสัดส่วนของรถปิกอัพในประเทศไทยจะอยู่ที่ราว 40-50% ตลอดมา
“เราคาดว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2569 ยังคงยากลำบากต่อไปและยังไม่เห็นสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะความเข้มงวดของไฟแนนซ์ก็ยังคงไม่ลดลง”
ขณะที่ สถานการณ์อุทกภัย (น้ำท่วม) ในเขตจังหวัดภาคใต้จะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างแน่นอนแต่ยังไม่สามารถประเมินได้และบริษัทก็ยังไม่ได้นำเอาปัจจัยดังกล่าวไปรวมกับการคาดการณ์ข้างต้น จะต้องรอสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายก่อน โดยอันดับแรกทุกฝ่ายจะต้องระดมความช่วยเหลือไปยังประชาชนในพื้นที่ก่อน ซึ่ง อีซูซุ เองก็ได้ส่งความช่วยเหลือเข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ โครงการ กระบะพี่ มีคลังค้ำ ถือเป็นโครงการที่ดีมากและอยากให้รัฐบาลต่ออายุโครงการดังกล่าวออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดภายในปีนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาในรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งหากรัฐบาลจัดการปัญหาเหล่านั้นเพื่อผ่อนปรนให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าร่วมโครงการได้ง่ายขึ้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นตลาดรถปิกอัพได้ดีขึ้นอีก ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายมีการหารือร่วมกัน
ด้านตลาดรถปิกอัพไฟฟ้าในประเทศไทยบริษัทมองว่าการที่บริษัทนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพจะยังคงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานรถปิกอัพได้ดีอยู่ ซึ่งเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอาจจะยังไม่เหมาะกับรถในกลุ่มปิกอัพ ซึ่งจะเหมาะกับรถประเภทอื่นมากกว่า
แม้ว่าปัจจุบัน ปิกอัพไฟฟ้าของอีซูซุ จะมีการผลิตเริ่มการผลิตในประเทศไทยและมีการส่งออกไปยังประเทศยุโรป แต่ในประเทศไทยจะต้องดูสถานการณ์การตอบรับของตลาด ซึ่งบริษัทยังไม่ได้มีกำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเนื่องจากมีหลายปัจจัยที่จะต้องประเมินเรื่องทิศทางพลังงานอย่างรอบครอบ
ด้าน ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2569 บริษัทประเมินว่าจะมียอดขายเทียบเท่ากับตลาดในปีนี้ จากปัจจัยลบที่ปรากฎและยังไม่เห็นสัญญาณบวก ซึ่งหากมีการเลือกตั้งและนโยบายการกระตุ้นของรัฐบาลใหม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะสามารถทำให้อุตสาหกรรมฟื้นตัวได้ รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีก็จะทำให้ส่งออกดีขึ้นเช่นเดียวกัน
นายทาคาชิ กล่าวว่า บริษัทได้เจรจากับโรงงานผลิตอีซูซุในประเทศไทยเพื่อปรับลดกำลังการผลิตลงตามสถานการณ์ตลาดที่เล็กลง แต่บริษัทยังสามารถส่งออกในตลาดโลก ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อซัพลลายเชนจ์ในประเทศ
สำหรับ ยอดขาย 10 เดือน (มกราคม–ตุลาคม) ของปี 2568 ISUZU มียอดขายรวมอยู่ที่ 58,781 คัน ลดลงราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็น รถปิกอัพ จำนวน 41,301 คัน และ พีพีวี จำนวน 9,205 คัน และอื่น ๆ (รถบรรทุก) 8,275 คัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “Maxforce Big Thanks ขอบคุณจากใจ” มอบบัตรน้ำมัน PT สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถปิกอัพและรถพีพีวีของอีซูซุ ตั้งแต่ 25 ต.ค. – 30 ธ.ค. 2568 รวมมูลค่ากว่า 38 ล้านบาท
