นายฮายาโตะ เซกุจิ (Mr.Hayato Seguchi) รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้า เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับกำลังการผลิตเพื่อรองรับปริมาณความต้องการของรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บบริโภคอย่างมากในรุ่น Honda Giorno+ ซึ่งอยู่ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติกส์ขนาด 125 ซีซี. ที่มีปริมาณความต้องการอยู่ที่ 270,000 คัน/ปี จากการคาดการณ์การผลิตเดิมนับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปี 2566 อยู่ที่ 80,000 คัน/ปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าวอย่างต่อเนื่องแต่เนื่องด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตจะต้องมีการวางแผนในด้านการใช้ชิ้นส่วนจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่จะต้องขยายกำลังการผลิตให้สอดคล้องกันจึงเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็วและทันที
“ในการประชุมการปรับกำลังการผลิตช่วงเดือน กันยายน ที่ผ่านมามีข้อสรุปว่าจะมีการปรับกำลังการผลิตรุจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าวเพิ่มและสถานการณ์การส่งมอบจะดีขึ้นในช่วงเดือน ตุลาคม เป็นต้นไป”
นอกจากนี้ กำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ Honda Giorno+ ในปี 2568 นี้ จะมีปริมาณการผลิตรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 267,500 คัน ซึ่งบริษัทได้ประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งจัดการสถานการณ์การผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ด้าน ประเด็นปัญหาคุณภาพสินค้าที่เกิดขึ้นในรถจักรยานยนต์หลายรุ่นของ ฮอนด้า โดยเฉพาะ เฟืองเกียร์ บริษัทได้รับรู้ปัญหาและพบต้นตอขอสาเหตุดังกล่าวและเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสาเหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้นของการสึกหรอเร็วกว่าสเป็คที่กำหนดไว้ บริษัทได้มีการเปลี่ยนวัสดุเฟืองเกียร์และการขัดพื้นผิวชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องใหม่ โดยได้เริ่มใช้ชิ้นส่วนใหม่ในกระบวนการผลิตตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา และจะมีการเรียกให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทยอยเข้ามาอัปเดตผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือน มีนาคม 2568 เป็นต้นมา
“บริษัทต้องขออภัยผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทุกท่านในปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้น เราขอสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก”
ขณะที่ โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ของ ฮอนด้า ในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน ซึ่งคาดว่าในปี 2568 นี้กำลังการผลิตจะอยู่ที่ 1.53 ล้านคัน แบ่งเป็น ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.28 ล้านคัน และส่งออก 2.5 แสนคัน โดยลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 1.57 ล้านคัน ตามสถานการณ์ตลาดที่เกิดขึ้นในประเทศ
สำหรับกำลังการผลิตจำนวนดังกล่าวบริษัทมองว่ายังเพียงพอต่อความต้องการทั้งด้านการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและการส่งออกในช่วงระยะเวลา 3 ปีจากนี้ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ภาวะตลาดอิ่มตัวที่ไม่มีอัตราการเติบโตขึ้นหรือลดลงในระดับที่หวือหวา ซึ่งคาดว่าตลาดจะอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านคัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไทยฮอนด้า เผยยอดขายรถจักรยานยนต์ ครึ่งปีแรก 8.6 แสนคัน โตเหนือตลาด
ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 แม้จะยังคงมีปัจจัยความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง แต่โครงการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐอย่างเช่น คนละครึ่ง มองว่ามีส่วนช่วยในการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคได้อยู่บ้าง ประกอบกับสถานการณ์การอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น โดยในช่วง 3 ไตรมาส (มกราคม – กันยายน) ภาพรวมตลาดมีอัตราเติบโตที่ 1%
นายฮายาโตะ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้ขึ้นไลน์ผลิต Honda CUV e: รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 100% ที่โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งที่ 2 ของโลก ต่อจากอินโดนีเซีย สะท้อนถึงความสำคัญของฐานการผลิตในประเทศไทย และสอดคล้องกับแผนการเตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่จะจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2569 เป็นต้นไป
