slide 1
slide 1
Image Slide 2
Image Slide 2
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Homeลองขับรีวิว Honda Forza 750 สปอร์ตทัวร์ริ่ง เครื่องยนต์ดี-เกียร์ฉลาด-ขี่สบาย

รีวิว Honda Forza 750 สปอร์ตทัวร์ริ่ง เครื่องยนต์ดี-เกียร์ฉลาด-ขี่สบาย

Honda Forza 750 นับเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กสกู๊ตเตอร์) รุ่นเรือธงสำคัญของแบรนด์ ที่หลายคนรอคอย หลังจากการเปิดตัวในงาน EICMA 2024 ช่วงปลายปี 2567 ที่ประเทศอิตาลี ก่อนจะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2025 ช่วงต้นปี 2568 ด้วยกระแสการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

ไทยฮอนด้า ไม่รอช้ากับการตีเหล็กตอนร้อนจัดทริปทดสอบบนเส้นทาง กรุงเทพฯเขาใหญ่บุรีรัมย์ ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็นช่วง ๆ โดย Autolifethailand ได้ร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสกับเจ้า บิ๊กสกู๊ตเตอร์ คันนี้ โดยรับไม้แรกในกลุ่ม A บนเส้นทาง กรุงเทพปราจีนบุรี (อีกนิดจะถึงเขาใหญ่) ระยะทางราว 200 กิโลเมตร ซึ่งได้สัมผัสฟีลลิ่งการขับขี่ได้ในหลากหลายสภาพเส้นทางทั้ง ในเมือง, ทางหลวง และ ทางขึ้นเขาลงเขา

เริ่มต้นที่ ดีไซน์การออกแบบ เมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้ามีหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งดูมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นและดูพรีเมี่ยมหรูหรา เส้นสายมัดกล้ามบึกบึนมีความเหลี่ยคมโฉบเฉี่ยว โดยหากมองจากมุมด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ จะเห็นชัดว่าข้างหน้ามีขนาดใหญ่แล้วค่อย ๆ ปราดเปรียวลงไปถึงด้านหลัง แม้ว่าชื่อเรียกจะเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์แต่ไม่ได้ใหญ่เทอะทะดูมีความกระชับลงตัวดี แต่จะว่าก็ว่าเรื่องดีไซน์เป็นเรื่องนานาจิตตัง ซึ่งนอกเหนือจากความสวยงามแล้วการออกแบบนี้ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดย มิติตัวรถ (กว้างxยาวxสูง) 790×2,200×1,480 มิลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 236 กิโลกรัม

Honda Forza 750

อีกทั้ง ยังมาพร้อมหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว (ปรับ Interface ใหม่) ใช้สัญญลักษณ์แทนตัวหนังสือ เข้าใจง่าย ไม่ต้องหลุดโฟกัสมาจ้องอ่าน และระบบกุญแจ Smart Key รวมถึงช่องชาร์จสมาร์ทโฟน USB Type-C มีช่องเก็บของด้านหน้าใหญ่พอสมควร และใช้วัสดุดีสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมแน่นทุกจุดไม่ก๊อกแก๊ง

ไฟหน้าคู่แบบโปรเจคเตอร์และ ไฟ Daytime Running Light พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และ ไฟหลังแบบ LED อีกทั้งกระจกบังลมหน้า (Windscreen) ปรับไฟฟ้า สามารถระดับความสูงได้ 120 มิลลิเมตร ใช้สวิทช์ 4 ทิศทาง (ที่แฮนด์บาร์ด้านซ้าย) ประบได้สะดวกดี สามารถลดระดับลงได้อัตโนมัติเมื่อปิดสวัทช์ดับเครื่องและสามารถกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อัตโนมัติที่ตั้งไว้จากการขับขี่ครั้งก่อน (หลังจากสตาร์ทเครื่องและขับขี่ 5 กม./ชม. ขึ้นไป)

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : New Honda Forza750 ดีไซน์ใหม่กระจกบังลมไฟฟ้า เปิดราคา 4.19 แสน

ส่วนเบาะที่นั่งเป็นเบาะแบบชิ้นเดียวแยกส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มีที่พักหลังของผู้ขับขี่ไว้พิงก้นพิงหลังได้ โดยเบาะมีความสูง 790 มิลลิเมตร อีกทั้งได้มีการเพิ่มโช็คอัพเบาะเป็น 2 ชิ้น และเปลี่ยนจุดติดตั้งใหม่เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า ซึ่งพื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะความจุ 22 ลิตร พร้อมไฟส่องสว่าง (เก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้ 1 ใบ)

Honda Forza 750

นอกจากนั้น ยังมาพร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-wire System) พร้อมมีเซ็นเซอร์ 4 จุด ที่ล้อหน้า, ล้อหลัง, แคร๊งเครื่อง และ คันเร่ง ซึ่งทำงานร่วมกันและสั่งงานร่วมกับกับกล่อง ECU โดยสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากการติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้าคือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

ขณะเดียวกัน Honda Forza 750 มีโหมดการขับขี่ 4 โหมดด้วยกันได้แก่ Standard, Sport, Rain และ User ซึ่งมี User 1 และ 2 ที่สามารถปรับการทำงานของตัวรถได้ตามความต้องการ ทั้งการปรับกำลังเครื่องยนต์, เบรกเครื่องยนต์, การเปลี่ยนเกียร์ และ การควบคุมแรงบิด รวมถึงการเปิดปิด ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานของผู้ขับขี่

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงเลยคือ ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ DCT (Dual Clutch Transmission) 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ ซึ่งได้มีการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ใน รุ่นโฉมปี 2025 นี้ โดยเจ้าบิ๊กสกู๊ตเตอร์คันนี้ สามารถขับขี่ได้ทั้ง ระบบเกียร์อัตโนมัติ (D) และ ระบบเกียร์แมนนวล (M)

ด้านโครงสร้างตัวถังแบบ Steel Dimond Frame ที่มีความยืดหยุ่นและความเหนียวของเหล็ก และ สวิงอาร์มอะลูมิเนียม HPDC (High Pressure Die Cast) หล่อด้วยแรงดันสูงและแบบชิ้นเดียวที่มีน้ำหนักเบาหน้าตัดรูปตัว U แข็งแกร่งสูงและลดน้ำหนักช่วยลดน้ำหนักในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง และส่งแรงขับเคลื่อนไปยังพื้นถนนได้ดี รวมถึงรับแรงจากพื้นถนนไปยังระบบกันสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้คุณสมบัติการยึดเกาะถนนได้ดี

Honda Forza 750

ล้ออลูมิเนียมดีไซน์ใหม่แบบ 9 ก้าน ล้อหน้าขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone Battlax 120/70R17 และ ล้อหลังขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone Battlax 160/60R15 และระบบเบรก ABS ด้านหน้าดิสก์คู่ขนาด 310 มิลลิเมตร คาลิเปอร์เบรก 4 Pot ด้านหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 240 มิลิเมตร คาลิเปอร์เบรก 2 Pot ของ NISSIN ส่วนโช็คอัพหน้าเป็น SHOWA หัวกลับ พร้อมโช็คอัพหลังแกนเดี่ยว

สิ่งหนึ่งที่อาจดูเป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่วนตัวชอบเป็นพิเศษเพราะดูใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบดีคือ ระบบตัดสัญญาณไฟเลี้ยวอัตโนมัติ (Automatic Turn Signal Canceller) เมื่อเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนเสร็จ โดยอาศํยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ความเร็วที่ติดตั้งไว้ที่ล้อหน้าและหลัง ตรวจจับความเร็วที่แตกต่างกันข้อล้อทั้ง 2 ระหว่างการเลี้ยว หากเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนเสร็จสิ้นข้อมูลจะส่งไปยังชุดควบคุมตัวถัง (BCU) เพื่อยกเลิกไฟเลี้ยวอัตโนมัติ อันนี้ดีงามเพราะถือเป็นปัญหาอย่างนึงเลยของผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ ที่บางทีและส่วนใหญ่ลืมปิด!! และอยากให้ช่วยพัฒนาให้ต้นทุนต่ำลง หรือความซับซ้อนในการทำงานลดลงและนำไปใส่ไว้ในรถทุกคลาส ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของมอเตอร์ไซค์เลยทีเดียวเชียว

เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 4 จังหวะ 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 745 ซีซี. 58 แรงม้า 69 นิวตันเมตร ความจุถังน้ำมัน 13.2 ลิตร เคลมอัตราสิ้นเปลือง 28.3 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลและควบคุมกำลังเครื่องยนต์ (Traction Control System)

Honda Forza 750

Autolifethailand ลองขับขี่แล้วสัมผัสได้ถึงฟีลลิ่งในหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้

เครื่องยนต์ : ตอบสนองดี มีแรงเหลือเฟือ รู้สึกได้ตั้งแต่เริ่มเลื่อนปุ่มเข้าเกียร์ D เลย ในช่วงย่านความเร็วต่ำทำได้ดีพอสมควร ส่วนความเร็วกลางความเร็วสูง อันนี้ดี ชอบมาก พอเปิดคันเร่งมันมีความกระโจนไปข้างหน้าแบบหิวกระหาย ความเร็วและรอบเครื่องยนต์มาไว้ตอบสนองดี และเมื่อตอนต้องการเร่งแซงเปิดคันเร่งปุ้ปเกียร์เชนจ์ลงมารอ 1 สเต็ปก่อนในทันที มั่นใจได้หายห่วงเลย

เกียร์ DCT (Dual Clutch Transmission) : มีการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ อันนี้ขี่สนุกยิ่งขึ้นและทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้ไหลลื่นต่อเนื่องมาก คือทำงานได้ฉลาดและรู้ใจกับเครื่องยนต์มากซึ่งหมายความว่า สมองกลอัจฉริยะ (ECU) สัมพันธ์กันดีเยี่ยมเลย แต่จะมีข้อสังเกตุอยู่นิดเดียวคือจังหวะการสับเกียร์และเปลี่ยนเกียร์มีความตึงตังสับดังรู้เลยว่ามีการเปลี่ยนเกียร์แบบดิบดุกระโชกโฮกฮากพอสมควร เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยโซ่ อาจมีข้อแตกต่างกับสานยพาน ก็ถือว่าได้ฟีลลิ่งสปอร์ตไปแล้วกันและได้ในแง่ของความทนทานในการรับแรงบิดของเครื่องยนต์

Honda Forza 750

ช่วงล่าง : มีความนุ่มหนึบ เวลาตกหลุมหรือกระโดดคอสะพาน มั่นใจได้ดีเลย ซับแรงกระแทกดีมาก ไม่ปัก ไม่สั่น แต่มีแรงกระทำจากพื้นถนนขึ้นมาถึงแฮนด์ปกติ แต่เก็บทรง เก็บอาการดี ขับทางไกลไม่ล้าไม่ชามือ ถือเป็นช่วงล่างเดิมจากโรงงานที่เซ็ทอัพมาดีเลย จังหวะเทรถเข้าโค้งจะย่านความเร็วไหน แค่แต่งตัวให้ดีก่อนเข้าแล้วใส่ไปเต็ม ๆ ก็เอาอยู่ ให้ความมั่นใจได้ดีเลย ส่วนทางตรงนิ่งและมีความมั่นคงสูงเอาเรื่อง แต่ข้อสังเกตุคือโช็คอัพด้านหลังอาจจะเซอร์วิสยากพอสมควรเพราะเก็บงานความเรียบร้อยของแฟริ่งด้านหลังมาดี

ตำแหน่งท่านั่ง (Riding Postion) : เบาะนุ่มกระชับ มีที่พิงก้น ส่วนตัวผู้ขี่มีความสูง 185 ซม. นั่งเต็มก้นจอดติดไฟแดงยืนได้เต็มเท้าไม่ต้องขยับท่า รวมถึงระยะห่างของเข่าและมือในขณะขับขี่ให้ฟีลลิ่งดีคุมรถง่าย อีกทั้งตำแหน่งการวางเท้าทั้งแบบวางราบไปกับที่เหยียบของผู้ขี่ก็สบาย และเมื่อเปลี่ยนอิรยบทเป็นการยืดขาวางเท้า 45 องศา อันนี้ก็สบาย ส่วนตัวอาจจะไม่เคยเจอตำแหน่งท่าและการวางขานั่งทั้ง 2 แบบที่ลงตัวกับความสูงของผู้ขับขี่พอดีเช่นนี้ (อันนี้ชอบเลย)

Honda Forza 750

เทคโนโลยีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก : หัวข้อนี้มีหลายสิ่งที่ต้องติ๊กถูกให้เลยกับความเหมาะสมลงตัวทั้ง บังลมหน้า (WindScreen) ที่เป็นแบบปรับไฟฟ้า และมีระดับความสูงถึง 120 มม. คือดี เพราะทริปนี้ขี่แบบทัวร์ริ่ง พอกดปุ่มปรับขึ้นมาช่วยให้ลมไม่ปะทะตัวและนั่งหลังตรงขี่สบาย มีลมชนหัวนิด ๆ แต่แทบไม่รู้สึก ซึ่งสอดรับกับการออกแบบของตัวรถตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่แหวกลมได้ดี

รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ใช้งานง่ายเหมือนกับรถยนต์เลย แค่กดปุ่มเปิดคำสั่งที่มือขวา และกด Set ความเร็วที่มือซ้าย แค่นั้น ซึ่งการตัดการทำงานก็ง่ายเพราะแค่แตะเบรก หรือ คืนคันเร่งให้สุด หรือ กดปุ่มหยุดทำงาน จุดนี้คือช่วยลดความตึงเครียดที่ต้องโฟกัสกับคันเร่งขณะขับขี่ตลอดเวลา

โหมดการขับขี่ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ชอบในเจ้า Honda Forza 750 คันนี้ เพราะมีมาให้ถึง 4 โหมด คือ Standard, Sport, Rain, User ซึ่งวันนี้ที่เราได้ขี่มามีโอกาสได้ลองใช้ครบ ซึ่งความแตกต่างของ Standard และ Sport เห็นชัดพอสมควร กับอัตราการตอบสนองของตัวรถ ส่วน Rain ก็ได้ใช้ซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของตัวรถสร้างความมั่นใจในการขับขี่บนสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

ส่วนข้อสังเกตุทิ้งท้ายอีกนิดคือ แม้ว่า ไทยฮอนด้า เอง จะบอกว่าพื้นที่เก็บของใต้เบาะใหญ่เก็บหมวกเต็มใบได้ 1 ใบ แต่ถ้าใครที่เป็น สายแบก สายขน ก็อาจจะไม่เพียงพอเท่าไร และอีกเรื่องคือถังน้ำมันที่ต้องคำนวนหากเดินทางไกลก็ต้องหาที่แวะพักตามระยะทางให้เหมาะสม ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจากจุดเริ่มต้นเต็มถัง ระยะทางวิ่งราว 200 กิโลเมตร ถึงหัวจ่ายที่สถานีบริการน้ำมัน เหลือน้ำมันบนหน้าจอ 1 ขีด เติมน้ำมันกลับเข้าไปเป็นเงิน 239 บาทโดยพฤติกรรมการขับขี่ตลอดที่เราได้ทดลองคือขับขี่ความเร็วตามกฎหมายกำหนดและมีบางช่วงตอนถนนโล่งปลอดภัยมีซัดตึงอยู่บ้างมีฝนตกสลับเป็นช่วงๆ

สรุป : ฟีลลิ่งของการได้สัมผัสครั้งแรกต้องบอกว่าเป็นรถแนว Sport GT (Grand Touring) ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและความสนุกในการขับขี่ ขับแนวสปอร์ตก็ดี จะทัวร์ริ่งก็มีความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ครบเครื่องครบทุกรสชาติ กับราคาค่าตัว 419,000 บาท ถือว่านาทีนี้ด้วยราคาและสิ่งที่ได้ในคลาสนี้ Honda Forza 750 ถือว่าโดดเด่นและคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้

Honda Forza 750 Honda Forza 750 Honda Forza 750

- Advertisement -spot_img
Mitsubishi Mega Deal
Mitsubishi Mega Deal
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
previous arrow
next arrow
- Advertisement -spot_img

Stay Connected

400,000FansLike
6,955FollowersFollow
153,000FollowersFollow
319FollowersFollow
107,000SubscribersSubscribe

Must Read

Related News