ในโอกาสการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของ “จู หัวหรง” (Zhu Huarong) ประธานบริษัท CHANGAN Automobile (ฉางอัน ออโตโมบิล) เพื่อเปิดโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยองประเทศไทยพร้อมได้เข้าเยี่ยมคาราวะนางสาวแพทองธานชินวัตรนายกรัฐมนตรี
ประเด็นการหารือกับ นายกรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งได้มีการเปิดเผยภายหลังการเข้าพบโดยระบุว่า ภายหลังการใช้เงินลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในการก่อตั้งโรงงานในประเทศไทย ยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการเตรียมการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา พร้อมจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยเพื่อยกระดับสู่ฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ฉางอัน เข้าพบนายกฯ หารือแผนลงทุนต่อเนื่อง เตรียมผุดศูนย์ R&D
Autolifethailand ได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ “จู หัวหรง” ประธานบริษัท CHANGAN Automobile ถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระดับโลกและประเทศไทย
ในปี 2567 ที่ผ่านมามียอดขายรวมอยู่ที่ 2.68 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และในจำนวนดังกล่าวป็นรถยนต์พลังงานใหม่ 735,000 คัน เพิ่มขึ้นประมาณ 52.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย ฉางอัน วางเป้าหมายที่จะมียอดขาย 5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2573 โดยที่ 3 ล้านคันของจำนวนดังกล่าวจะเป็นยานยนต์พลังงานใหม่
ทั้งนี้ การเปิดโรงงานที่จังหวัดระยอง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อประเทศไทยและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยส่งเสริมการเติบโตในภูมิภาคให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน โดยถือเป็นการลงทุนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกนอกประเทศของบริษัท โดยการลงทุนจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะได้แก่
ระยะที่ 1 ลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย มูลค่าลงทุน 10,000 ล้านบาท และ ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 10,000 ล้านบาท
ระยะที่ 2 จะมีการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตและจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาโดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 30,000 ล้านบาท
สำหรับการเลือกที่ลงทุนในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในการก่อตั้งโรงงานเนื่องจากประเทศไทยมีความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจรวมถึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านการเป็นฐานการผลิตทั้งซัพพลายเชนจ์ที่ครบวงจรและมีความแข็งแกร่ง
รวมทั้ง การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกำลังพัฒนาไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาถือเป็นตลาดที่ครอบคลุมหลายประเทศและมีปริมาณผู้ใช้งานจำนวนหลายล้านคน อาทิ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ไทย เป็นต้น อีกทั้งความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยผู้บริโภคมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วทำให้ช่วยลดระยะเวลาการสร้างการรับรู้ได้อย่างมาก
“เราทราบดีว่าการลงทุนในประเทศไทยมีการแข่งขันของตลาดที่รุนแรง ซึ่งการลงทุนตั้งโรงงานจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เราซึ่งมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจระยะยาวในไทย”
ขณะที่ บริษัทมีแผนการใช้โรงงานในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา และ พวงมาลัยซ้าย ในอนาคต เพื่อการส่งออก โดยจะสามารถสร้างงานได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหลังจากนี้จะทยอยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะมีการส่งเสริมโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
จู หัวหรง กล่าวว่า บริษัทมีพื้นฐานมาจาก เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองแห่งรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าเราไม่ได้กำเนิดมาจากเมืองนั้นเราก็คงไม่สามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพไปทำตลาดในประเทศอื่นได้ ซึ่งการตัดสินใจออกมาก่อตั้งโรงงานไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องมีการลงทุนมหาศาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ฉางอัน เริ่มเดินสายพานการผลิตในไทยมูลค่าลงทุน 1 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ถ้ามองตลาดนอกประเทศจีน เราอาจจะมองไป ยุโรป หรือ อื่น ๆ แต่การมาลงทุนในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีศักยภาพและเรามีการผลิตสินค้าเพื่อมาตอบสนองผู้บริโภคชาวไทย
หากย้อนกลับไป ในประเทศไทยครองตลาดโดยแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นหลัก ดังนั้นเองตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาทำตลาดจนกระทั่งถึงการมาลงทุนเปิดโรงงานในประเทศไทยได้มีการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเท่าที่บริษัทมีในปัจจุบัน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคและยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ไม่เช่นนั้นคงจะยากที่เราจะแข่งขันได้กับแบรนด์ญี่ปุ่น
นอกจากนั้น ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทยังคงยึดมั่นพลังงานที่หลากหลายทั้ง ไฮบริด (HEV), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), Range-Extended Electric Vehicle (REEV) และ ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งจะมีการพัฒนาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พาชมโรงงาน CHANGAN แห่งแรกนอกจีนในไทย ตรวจสอบคุณภาพด้วยระบบอัตโนมัติ 90%
ขณะเดียวกัน การมุ่งเน้นในการผลักดันเทคโนโลยี REEV ถือเป็นอีกเทคโนโลยีพลังงานใหม่ที่หลายแบรนด์สัญชาติจีนผลักดันทั้งในระดับรถยนต์พื้นฐานและรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม เช่นเดียวกับ CHANGAN ที่มี DEEPAL ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยี REEV ใน S05 รวมถึงเทคโนโลยีของแบรนด์ยังมี Super Hybrid อีกด้วย โดยบริษัทยืนยันว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและจะนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดมาเปิดตัวในประเทศไทยทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และด้านการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม โรงงาน ฉางอัน ออโตโมบิล ระยอง บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์ EV และ REEV ซึ่งเป็นแกนหลักเพื่อส่งออกไปยังตลาดอาเซียนและรองรับความต้องการในประเทศไทย โดยมองว่าภายใน 3 ปีจากนี้ รถยนต์ 30% ของแบรนด์ในอาเซียนจะผลิตในประเทศไทย
