เกมพลิกผันต่อเนื่องในเสตจที่ 11 ศึกดาการ์ แรลลี่ 2025 เป็นทางด้าน ยาซีด อัล ราจีห์ สิงห์ทะเลทรายเจ้าถิ่น ที่ควงคู่ ติโม กอตต์ชาลค์ โค-ไดรเวอร์ ร่วมสังกัด OVERDRIVE RACING ซิ่งทำเวลาขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางเวลารวมอีกครั้ง ส่วนในประเภทอื่นผู้นำยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
การชิงชัยสเตจที่ 11 ศึกดาการ์ แรลลี่ 2025 ดวลความเร็วในวันพฤหัสบดี ที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ใช้เส้นทางชิงชัยภายในเมืองชูเบย์ตาห์ รวมระยะทางทั้งสิ้น 507 กิโลเมตร เป็นการเดินทาง 232 กิโลเมตร และ ช่วงทดสอบพิเศษ 275 กิโลเมตร
หลังจากที่ เฮงค์ ลาเทแกน และ เบรตต์ คุมมิงส์ ดูโอ้เซาท์แอฟริกา สังกัด TOYOTA GAZOO RACING ทวงตำแหน่งผู้นำคืนจาก ยาซีด อัล ราจีห์ และ ติโม กอตต์ชาลค์ สังกัด OVERDRIVE RACING ในสเตจที่ 10 พร้อมครองความได้เปรียบอยู่ 02 นาที 27 วินาที
ทว่าความพลิกผันเกิดขึ้นอีกครั้งในสเตจที่ 11 เมื่อ ยาซีด อัล ราจีห์ และ ติโม กอตต์ชาลค์ สามารถรีดความเร็วซิ่งทำเวลากลับไปเป็นผู้นำได้อีกครั้งด้วยเวลารวม 51 ชั่วโมง 53 นาที 36 วินาที เร็วกว่า เฮงค์ ลาเทแกน และ เบรตต์ คุมมิงส์ ที่หล่นลงไปรั้งอันดับ 2 อยู่ 06 นาที 11 วินาที ลุ้นชิงดำกันในสเตจสุดท้าย
ด้าน แดเนียล แซนเดอร์ส ดาวบิดจาก RED BULL KTM FACTORY RACING ยังอยู่ในสถานการณ์อันยอดเยี่ยม ครองหัวขบวนในประเภทรถจักรยานยนต์ รวมถึง บร็อค เฮเกอร์ และ แม็กซ์ เอ็ดดี้ ดูโอ้สังกัด SEBASTIEN LOEB RACING – RZR FACTORY RACING ที่เป็นผู้นำประเภทเอสเอสวี
รวมถึงในประเภทรถบรรทุกยังคงเป็น มาร์ติน มาซิค, ฟรานติเซ็ค โตมาเซ็ค และ ดาวิด สวานด้า ทัพนักแข่งเช็ก สังกัด MM TECHNOLOGY ที่รักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทิ้งห่างผู้ตามถึง 02 ชั่วโมง 25 นาที 01 วินาที
การชิงชัยในสเตจสุดท้าย ศึกดาการ์ แรลลี่ 2025 ยังคงใช้เส้นทางภายในเมืองชูเบย์ตาห์ เช่นเดิม ทว่าเป็นการชิงชัยภายใต้ระยะทาง 131 กิโลเมตร โดยเป็นการเดินทาง 70 กิโลเมตร และ ช่วงทดสอบพิเศษ 61 กิโลเมตร เพื่อตัดสินตำแหน่งแชมป์ในปีนี้
