นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ “REVERSHARGER” และผู้ประกอบธุรกิจ EV Ecosystem Operator ครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทเตรียมปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการดูแลระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Solution) รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจลงทุนทำสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่หรือในธุรกิจของตนเอง อาทิ นิคมอุตสาหกรรม, บริษัทขนส่งขนาดใหญ่ เป็นต้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “REVERSHARGER” ชี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้โตเร็วอีกต่อไป! ปรับตัวหา New S-Curve ดันธุรกิจโต
นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจมาบริษัทมีรายได้จากการขายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ (B2B) ในสัดส่วนเกือบ 100% ของรายได้รวม จนกระทั่งในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการดูแลระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Solution) รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ (B2C) อยู่ที่ 20% ของรายได้รวม ซึ่งในปี 2568 คาดว่าสัดส่วน B2C จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ
“ปัจจุบันได้มีการพูดคุยกับลูกค้าที่สนใจให้บริษัทไปดูแลระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงติดตั้งสถานีชาร์จรวมกว่า 14 ราย ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงจะทำให้บริษัทไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้”
ขณะที่ ไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้ลดลงราว 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยผลกระทบของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยชะลอตัว ด้วยการติดตั้งและการขายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับรถใหม่ลดลงตามสถานการณ์ตลาด
ทั้งนี้ บริษัทมองว่ารายได้ปี 2568 จะเติบโตเป็น 750 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ที่ 700 ล้านบาท และจากแผนดังกล่าวจะทำให้ใน 3 ปีจากนี้ (2568-2570) บริษัทจะมีรายได้ในระดับ 2,000 ล้านบาท/ปี
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก หลายบริษัทรวมถึงบริษัทเริ่มชะลอการลงทุนในการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าใหม่ และปรับเปลี่ยนเป็นการแข่งขันทางด้านต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และมองว่าปัจจุบันผู้เล่นในตลาดนี้มีผู้เล่นจำนวนมากและแข่งขันรุนแรง ดังนั้นการมีผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาดน่าจะเป็นไปได้ยาก
นายพีระภัทร กล่าวว่า SHARGE มองโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าหลังจากนี้ อาทิ ธุรกิจการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาความคุ้มค่าทางการลงทุน และยังมีเงื่อนไขข้อกำหนดที่อาจจะต้องพิจารณาอย่างละเอียด เนื่องจากปริมาณการใช้ในประเทศอาจจะยังมีปริมาณน้อย ดังนั้นหากประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาค ธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ อาจเป็นอีกส่วนสำคัญหนึ่งที่จะต้องสนับสนุน ซึ่งอาจะเป็นโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทยหากสามารถนำเข้าแบตเตอรี่จากต่างประเทศมารีไซเคิลในประเทศได้
 รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ){kind=link}