ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีการแข่งขันด้านราคารุนแรง รวมถึงการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ในประเทศไทยที่มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงประชากรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แม้จะชะลอตัวไปบ้างในช่วงต้นปีจากสถานการณ์ปัจจัยในประเทศ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร
Autolifethailand ได้สัมภาษณ์พิเศษ “พีระภัทร ศิริจันทโรภาส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ให้บริการสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ “REVERSHARGER” และผู้ประกอบธุรกิจ EV Ecosystem Operator ครบวงจร เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มีการขยายครอบคลุมในทุกพื้นที่ของประเทศไทย จากหลายผู้ประกอบการ ซึ่งเครือข่ายสถานีชาร์จของบริษัทปัจจุบันมีจำนวน 600 สถานี ทั่วประเทศ แบ่งเป็น สถานีชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (AC) ที่ตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ จำนวน 300 แห่ง และ สถานีชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองและบนเส้นทางหลักที่มีระยะห่างทุก 160 กิโลเมตร จำนวน 300 แห่ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เรเว่ฯ ยิ้มร่า BYD กระโดดถือหุ้น 20% สยบข่าวลือถูกลดสิทธิ์การจำหน่าย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 กระทั่งถึงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้น 3 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2565-2566 ที่มีผลประกอบการเติบโต 10 เท่า จากปีก่อนหน้า ซึ่งรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาบริษัทต้องเดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายสถานีชาร์จหรือความร่วมมือในการขายตู้ชาร์จ แต่ปัจจุบันนี้รายได้จากการขายไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างมากครอบคลุมการดำเนินธุรกิจและสามารถปันผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้อีกด้วยซึ่งเป็นการพิสูจน์การดำเนินธุรกิจที่เราดำเนินการตั้งแต่วันแรกได้จริงและเป็นสิ่งที่ทำให้เรามาถึงวันนี้
ผลตอบรับของโปรโมชั่นดึงดูดใจ “ชาร์จ 4 บาท” สวนกระแสค่าน้ำมัน-ค่าไฟแพง
นับตั้งแต่ต้นปี 2567 ในช่วงการเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเทศกาลสงกรานต์ในเดือน เมษายน 2567 บริษัทได้จัดทำโปรโมชั่น ค่าไฟ 4 บาท/หน่วย สำหรับผู้ใช้บริการที่ REVERSHARGER และมีการขยายระยะเวลาการจัดโปรโมชั่นที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานได้ลองใช้สถานี พร้อมกับทดลองตลาดในการให้บริการสถานีชาร์จราคาถูก แต่ยังคงประสิทธิภาพการชาร์จที่ดีและเร็ว ซึ่งผลตอบรับดีมากส่งผลให้ ผู้ใช้บริการจาก 30,000 รายเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ราย และมีอัตราการใช่งานเฉลี่ยนเพิ่มขึ้น 5 เท่า เป็น 30 ครั้งต่อวันต่อสถานี หรือบางสถานีมากถึง 60 ครั้งต่อวัน สำหรับลูกค้า BYD ท่านั้น
จากโปรโมชั่นดังกล่าวได้มีการเก็บข้อมูลผู้บริโภคจากการลงทะเบียนในแอพลิเคชั่นก่อนการใช้บริการพบว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอ่อนไหวกับราคา (Price Sensitive) ค่อนข้างมากก็จริงแต่ต้องมีประสิทธิภาพที่ยอมรับได้ด้วยและ ความเสถียรของแอปพลิเคชัน, ความต้องการอื่นในสถานีและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นสิ่งที่ได้ข้อมูลมาพัฒนาการให้บริการของบริษัท ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาบริการที่ตรงใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่น พัฒนาระบบ Customer Service และ Battery Monitoring และนำข้อมูลไปใช้กับธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต
นอกจากนั้น รายได้จากการขายไฟฟ้านับตั้งแต่ต้นปีที่อยู่ที่ราว 2 แสนบาท/เดือน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านบาท/เดือน ในช่วงครึ่งปี และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านบาท/เดือน และจะเติบโตขึ้น 2 เท่าตัวในปี 2568
New S-Curve ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยนับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมากลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักด้วยกัน ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ รถขนส่ง ซึ่งในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้การตอบรับที่ดีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมากและมีการเปลี่ยนไปใช้งานจำนวนมหาศาลแล้วในช่วงที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่ารถยนต์กลุ่มดังกล่าวจะเป็นตลาดที่ไม่ได้เติบโตเร็วอีกต่อไปเนื่องจากตลาดเริ่มคงที่แล้ว แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่จะขยายตัวและเป็นโอกาสใหม่ของตลาดนั่นคือ รถขนส่ง, รถโดยสารสาธารณะ และ รถเชิงพาณิชย์ ที่เป็นพลังงานไฟฟ้า 100%
ปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียงรถโดยสารสาธารณะที่เป็นพลังงานไฟฟ้าไม่กี่คันเท่านั้น ซึ่งสถานีชาร์จจะถูกตั้งอยู่ในบริษัทเท่านั้น โดยหากเป็นรถขนส่งเชิงพาณิชย์ ในกลุ่มโลจิสติกส์จากศูนย์กระจายสินค้าหรือในนิคมอุตสาหกรรมยังไม่ค่อยมี ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และในปีหน้า เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อการพาณิชย์จาก BYD อย่างเป็นทางการ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ จะมีการเปิดตัวลงสู่ตลาดในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้มีผู้ประกอบการของรถในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
“บริษัทมองว่าการขายไฟฟ้าให้รถยนต์กลุ่มนี้เป็นโอกาสของบริษัทเช่นกัน ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งในด้านการทำระบบการใช้งาน และการจัดการทำบัญชี ที่เป็นสิ่งที่บริษัทในธุรกิจขนส่งต้องการ ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็น New S-Curve ของอุตสาหกรรมและของบริษัท”
เตรียมต่อยอดธุรกิจขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามหัวเมืองใหญ่
บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บางจาก ซึ่งขยายในสถานีบริการน้ำมันดีเซลที่มีรถหัวลากโดยเฉพาะในพื้นที่หัวเมืองใหญ่ตามต่างจังหวัด โดยเริ่มต้น 90 แห่งก่อน ซึ่งจะมีการประกาศความร่วมมืออีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ที่จะมีการแถลงข่าว 3 ฝ่ายคือ บางจาก, เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ และ ชาร์จ แมเนจเม้นท์
ขณะที่ การทำงานร่วมกันหลังจากนี้ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่มีข้อกังวล โดย เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ และ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จะนำเสนอโซลูชั่นและให้ความรู้ว่าเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วจะไปชาร์จจุดไหนและระยะทางครอบคลุมหรือไม่ เพื่อนำเสนอให้ผู้ประกอบการที่สนใจมองเห็นภาพทั้งระบบ
ส่วนการสร้างจุดชาร์จในนิคมอุตสาหกรรม หรือ เขตปลอดภาษีอากร ซึ่งเป็นการขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างคลังไปถึงคลังนั่น จะเป็นอีกโมเดลธุรกิจหนึ่งเลย เพราะอาจจะไม่ใช่เป็นเราลงทุนโดยบริษัทเพียงคนเดียวแต่อาจจะเป็นการลงทุนร่วมกับเจ้าของธุรกิจ
ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแข่งขันรุนแรงตลอดเวลา
การแข่งขันของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยต้องยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่รุนแรงสูง โดยเฉพาะเจ้าตลาดที่เป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ ซึ่งมีโลเคชั่นจุดชาร์จจำนวนมาก แต่เราในฐานะผู้ประกอบการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีบริษัทรถยนต์อย่าง BYD เป็นผู้ถือหุ้น และยังมีพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายรายที่เราเป็นผู้จำหน่ายเครื่องชาร์จให้ลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย
“ด้วยฐานข้อมูลที่เรามีเราเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะจะสามารถแข่งขันได้กับบริษัทดังกล่าว ซึ่งตอนนี้เรามองคู่แข่งรายดังกล่าวรายเดียว”
สำหรับการแข่งขันของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคล้ายกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือที่ไหนน่าเข้าไปใช้บริการ และให้ความสบายใจกับลูกค้า แต่สุดท้ายยอมรับว่าก็ต้องเป็นราคาและโปรโมชั่นก็ไม่สามารถหนีสงครามราคาได้อย่างแน่นอน ซึ่งเรามั่นใจในความเสถียรของแอพลิเคชั่น และเราสามารถมอนิเตอร์แบตเตอรี่ของผู้ใช้บริการได้ โดยถ้าเราสามารถร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจาก BYD จะสามารถเข้าถึงการตรวจสอบและการจัดการการรับประกันแบตเตอรี่ได้
พีระภัทร กล่าวว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามองเห็นตรงกันว่าจะมีการลงทุนในอีก 1-2 ปี จากนี้ แล้วจะมีการหยุดลงทุน เนื่องจากผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มคุ้นชินกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วว่าประสิทธิภาพและระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้งานได้ประมาณไหนและบริหารจัดการชีวิตประจำวันได้แล้ว
เป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทหลังจากนี้เรามุ่งเป้าที่จะขายไฟฟ้าเพื่อเป็นรายได้หลักให้กับการดำเนินธุรกิจ เพราะที่ผ่านมาเราได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจสถานีชาร์จบนความยั่งยืนในอนาคตมี 3 ด้านด้วยกันได้แก่ 1.สถานที่ชาร์จ 2.ความเสถียรของแอพลิเคชั่น และ 3.การสร้างฐานลูกค้า (Royalty Program)
ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป RÊVERSHARGER จะทำการเปิดจอง EXCLUSIVE PACKAGE สำหรับลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์ ในรูปแบบ Tier System ทั้ง 3 ระดับ ดังนี้
Silver Tier สถานะเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน RÊVERSHARGER รับสิทธิ์ชาร์จได้ในราคา 7.2 บาทต่อหน่วย ไม่จำกัดแบรนด์รถ
Gold Tier สถานะสำหรับผู้ที่มีการชาร์จสะสมถึง 160 kWh ภายใน 5 เดือน จะได้รับสิทธิ์ชาร์จในราคาพิเศษ 5.8 บาทต่อหน่วย ไม่จำกัดแบรนด์รถ
Platinum Tier สถานะพิเศษเฉพาะผู้ใช้รถ BYD ที่ลงทะเบียนใช้ Plug & Charge และมีการชาร์จสะสมถึง 360 kWh จะได้รับสิทธิ์ชาร์จในราคา 5 บาทต่อหน่วย
หมายเหตุ: ลูกค้า BYD ที่ชาร์จสะสมถึง 360 kWh ภายใน 31 ธันวาคม 2567 จะคงสถานะ Platinum Tier ต่อเนื่องทันทีในการปรับรอบ Tier ในครั้งถัดไป
