โตโยต้า แถลงยอดจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2564 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยโดยรวมปีนี้ ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสนคันเท่านั้น ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 8.5 แสน-9 แสนคัน โดยโตโยต้าตั้งเป้าขายไว้ 260,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.4% มีส่วนแบ่งตลาดที่ 32.5%
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้คาดการณ์สถานการณ์ตลาดรวมรถยนต์เมืองไทยในปี 2564 ว่ามีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ เข่น สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกล่าสุด การเข้าถึงวัคซีนของประชาชน รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ตลอดจนการสนับสนุน จากองค์กรเอกชนทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังในการร่วมคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งโตโยต้ามีความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ 800,000 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตัวเลขการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2564 ของผู้บริหารเบอร์ 1 ของโตโยต้า ได้ปรับลดลงจากการคาดการณ์ ที่มร.ยามาชิดะ เคยประมาณการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อครั้งนั้น โตโยต้า คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 850,000 – 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7-14% เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2663
นั่นหมายความว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นรุนแรงมากกว่าที่โตโยต้า เคยคาดการณ์ไว้ และได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม และส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โตโยต้า ยังคงมุ่งหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะฟื้นตัวดีขึ้น จากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับแผนการฉีดวัคซีนสำหรับคนไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนตัวเลขยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรกของปี 64 นั้น มร.ยามาชิตะ บอกว่า “แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 แต่บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ก็ได้มีความพยายามในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆในเชิงรุก เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้มีส่วนช่วยคลายความวิตกกังวลของผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดใช้จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 373,191 คัน เพิ่มขึ้น 13.6% จากยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ
ม.ค. – มิ.ย. 2564 |
ยอดขายปี 2564 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการขายรวม | 373,191 คัน | +13.6 % |
รถยนต์นั่ง | 120,351 คัน | + 0.5 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 252,840 คัน | + 21.0 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 196,934 คัน | + 18.3 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 168,993 คัน | + 13.1% |
ขณะที่ ผลการดำเนินงานของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 24.4% หรือ คิดเป็นจำนวน 117,185 คัน ซึ่งถือได้ว่าดีกว่าอัตราการฟื้นตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ จะเผชิญกับความยากลำบากมากมายในปีที่ผ่านมา แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 31.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 28.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สืบเนื่องจากกลยุทธ์การขายแบบใหม่ของเรา ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการเสริมความเข้มแข็งในส่วนกลยุทธ์การขายบนช่องทางออนไลน์และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความพยายามในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆของเราในช่วงแรกของปีนี้
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า
ม.ค. – มิ.ย. 2564 |
ยอดขายปี 2564 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายรวม | 117,185 คัน | + 24.4 % | 31.4 % |
รถยนต์นั่ง | 29,703 คัน | – 0.7 % | 24.7 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 87,482 คัน | + 36.1 % | 34.6 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 74,141 คัน | + 31.8 % | 37.6 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 61,833 คัน | + 24.6 % | 36.6 % |
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 | ยอดขาย
ประมาณการปี 2564 |
เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการขายรวม | 800,000 คัน | + 1 % |
รถยนต์นั่ง | 271,000 คัน | – 1.4 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 529,000 คัน | + 2.3 % |
มร.ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า เรามีเป้าหมายการขายในปี 2564 อยู่ที่ 260,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6.4 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 32.5% จากการเพิ่มยอดขายบนช่องทางออนไลน์ แพ็คเกจการให้บริการที่ทำให้ลูกค้าสามารถ “เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น” และมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในเรื่องการดูแลสุขอนามัย ทั้งในโชว์รูมและศูนย์บริการ และการให้บริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ และความเข้มแข็งของดีลเลอร์โตโยต้า ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาโตโยต้าตั้งเป้าหมายการขายในปีนี้ไว้ว่า จะอยู่ระหว่าง 280,000 – 300,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 15 – 23% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.3%
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 | ยอดขาย
ประมาณการปี 2564 |
เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายรวม | 260,000 คัน | + 6.4 % | 32.5 % |
รถยนต์นั่ง | 67,000 คัน | -1.7% % | 24.7 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 193,000 คัน | + 9.6 % | 36.5 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 166,800 คัน | + 11.5 % | 40.2 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 142,000 คัน | + 9.3 % | 39.6 % |
สำหรับปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 141,909 คัน เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมียอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 258,365 คัน เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้า ม.ค. – มิ.ย. ปี 2564 |
ปริมาณปี 2564 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการส่งออก | 141,909 คัน | + 46% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 258,365 คัน | + 50% |
ทั้งนี้เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 322,000 คัน เพิ่มขึ้น 50 % จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดต่างประเทศ ด้วยปัจจัยต่างๆ อาทิ เช่น อัตราการลดลงของผู้ป่วยโควิด-19 ความคืบหน้าของแผนการฉีดวัคซีน และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่างๆ
ส่วนในด้านการผลิตนั้น มองว่ามีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จากความต้องการของลูกค้าในตลาดต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ดังนั้นปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 580,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 31 % จากปีที่แล้ว ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้าปี 2564 |
ปริมาณปี 2564 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการส่งออก | 322,000 คัน | + 50 % |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 580,000 คัน | + 31 % |
มร.ยามาชิตะ ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า ” ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย โตโยต้ายังคงเดินหน้าสนับสนุนและเคียงข้างสังคมไทยให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ผ่านโครงการ ‘Toyota Stay with You’ ซึ่งเราได้ส่งมอบรถยนต์โตโยต้าให้กับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ระหว่างการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ เราได้ให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในรถยนต์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่ลูกค้ารถยนต์ทุกยี่ห้อไปแล้วกว่า 1,300,000 คัน จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความใส่ใจสูงสุดในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งเราได้มีการว่าจ้างพนักงานในส่วนของสายงานการผลิตเพิ่มมากกว่า 400 อัตรา เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในตลาดแรงงานไทยในปัจจุบัน รวมทั้งยังมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราที่จะมีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และเรายังคาดหวังว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต”
มร.ยามาชิตะ กล่าวปิดท้ายว่า “โตโยต้ายังคงยืนหยัดเดินหน้าตามแนวทางสากลของโตโยต้าในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของการผลิตและส่งออกรถยนต์ในระดับภูมิภาค ตลอดจนเดินหน้าสร้างความเจริญเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อคนไทย”